EAเฮ ผถห.ไฟเขียววงเงินหุ้นกู้ใหม่ 1.5 หมื่นลบ.
ผู้ถือหุ้น EA อนุมัติวงเงินเสนอขายหุ้นกู้ใหม่ 15,000 ล้านบาท เพื่อใช้ปรับโครงสร้างทางการเงิน และได้รับมติให้ซื้อหุ้น"แลนด์ พรอสเพอริตี้ โฮลดิง" 19% พร้อมจ่ายเงินปันผลงวดปี 62 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น รับเงินสดวันที่ 22 พ.ค.นี้
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทางเลือก เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2563 มีมติอนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ (ใหม่) ในวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท เป็นการขออนุมัติไว้เพื่อเตรียมการสำหรับกรณีที่หากพบว่ามีโอกาสเหมาะสมก็จะสามารถออกและเสนอขายหุ้นกู้ในต้นทุนที่ต่ำและเงื่อนไขที่ดีได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในการนำเงินไปชำระคืนเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เดิม หรือใช้ในการดำเนินงาน และการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ของบริษัทฯ ได้
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังได้อนุมัติให้บริษัทฯเข้าลงทุนในบริษัท แลนด์ พรอสเพอริตี้ โฮลดิง จำกัด โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 19% ของหุ้นทั้งหมด พร้อมทั้งอนุมัติให้บริษัท อมิตาเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Amita Thailand ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯเข้าทำสัญญาสิทธิในการเช่าที่ดินบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเฟสที่ 1 ขนาดกำลังการผลิต 1 กิ๊กะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และโรงงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามเป้าหมายที่จะสร้างโรงงานให้แล้วเสร็จและเริ่มทำการผลิตได้ภายในปี 2563
ทั้งนี้ ประชุมมีมติให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท โดยจ่ายจากกำไรสะสมสำหรับกิจการที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน รวมเป็นเงิน 1,119 ล้านบาท โดยให้วันที่ 20มีนาคม 2563 เป็นวันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผล (“Record Date”) และจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดภายในวันที่ 22 พฤษภาคม 2563
"ภาพรวมผลประกอบการปี 2563 จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เนื่องจากธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งจากพลังงานลมและโซลาร์ฟาร์ม จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มกำลังการผลิต 664 เมกะวัตต์ เป็นปีแรก และจะเริ่มรับรู้รายได้จากผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะหรือ PCM ที่จะเริ่มผลิตและส่งออกตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างไรก็ตาม ธุรกิจไบโอดีเซลมีแนวโน้มรายได้ที่ลดลงจากการลดการเดินทางและใช้ยานพาหนะที่น้อยลง ส่วนธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้ามีการปรับแผนเพื่อขยายเวลาการเริ่มผลิตและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลประกอบการของบริษัทแต่อย่างใด"
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงติดตามสถานการณ์ของ COVID-19 อย่างใกล้ชิด และมั่นใจว่าจะสามารถฝ่าวิกฤติในรอบนี้ไปได้อย่างแน่นอน โดยในปีนี้บริษัทฯคาดว่า น่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงานมาต่อยอดธุรกิจเดิม และสร้างเป็นระบบนิเวศน์รองรับทิศทางในอนาคต