พลิกวิกฤติ COVID-19 ระบาด ให้เป็นโอกาสแห่งการเริ่มต้น

พลิกวิกฤติ COVID-19 ระบาด ให้เป็นโอกาสแห่งการเริ่มต้น

เมื่อวิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องรีบปรับตัวอย่างฉับพลัน โดยหนึ่งในทางเลือกทางรอดคือการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช่ เช่นเดียวกับธุรกิจประกันภัยชีวิต ที่วันนี้ต่างพลิกวิกฤติไปสู่โอกาสใหม่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามอ่านได้จากบทความนี้

แม้ไม่รู้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะดำเนินไปถึงเมื่อไร และยังไม่มีทีท่าว่าจะค้นพบยารักษาหรือวัคซีนป้องกัน สิ่งที่ทุกคนทำได้ตอนนี้คือ การป้องกันตัวเองและยับยั้งการแพร่ระบาดไม่ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่ถ้าวิกฤติครั้งนี้ลากยาวไปเป็นเวลานาน เราก็ต้องหาวิธีอยู่ร่วมกันกับเชื้อไวรัสให้ได้ และทำทุกอย่างให้เกิดการเสียหายน้อยที่สุด ทั้งในเรื่องสุขอนามัย สังคมและเศรษฐกิจ

ทุกภาคส่วนต้องมีการปรับตัว แต่ถ้าลองมองในมุมกลับกัน วิกฤติครั้งนี้ไม่ได้นำพามาแต่เพียงความเสียหายเท่านั้น แต่มี “โอกาสแห่งการเริ่มต้น” เช่น การทำงานที่บ้าน ซึ่งบางครั้งอาจจะได้ประสิทธิภาพมากกว่าการที่เราต้องเดินทางฝ่ารถติดเพื่อไปนั่งทำงานที่สำนักงาน หรือการประชุมผ่านจอภาพที่ครบองค์ประชุมมากขึ้น เนื่องจากอยู่ที่ไหน ก็สามารถประชุมร่วมกันได้

อย่างไรก็แล้วแต่ หากเรามองย้อนกลับไปก่อนที่ไวรัสโควิด-19 จะระบาด ได้มีสัญญาณเตือนเรื่องเศรษฐกิจมาเป็นระยะ เริ่มตั้งแต่ประเทศไทยปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล มีการเตรียมความพร้อมในหลายๆ ด้าน เพื่อรองรับสังคมดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นพร้อมเพย์ ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ตลอดจนช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าผ่านแชทบอท และอื่นๆ

ตามติดมาด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มถดถอย ซึ่งสังเกตได้จากอัตราดอกเบี้ยต่ำ เจ้าของธุรกิจบางรายก็เริ่มที่จะปรับกระบวนทัพ ธุรกิจประกันชีวิตก็เช่นเดียวกัน ได้คาดการณ์การเติบโตของธุรกิจในปี 2563 ก่อนหน้าที่โควิด-19 จะระบาดว่า “จะไม่มีการเติบโต โดยจะมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 610,000 ล้านบาท” ซึ่งเบี้ยประกันชีวิตส่วนใหญ่จะมาจากช่องทางตัวแทนและนายหน้า (ซึ่งรวมถึง การขายผ่านธนาคาร) เป็นสัดส่วนถึงกว่า 90%

ดังนั้น เมื่อเกิดการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 การติดต่อทำธุรกรรมดังที่เคยทำ กลายเป็นความหวาดระแวงว่าเราอาจจะติดเชื้อได้ จึงทำให้เราต้องเว้นระยะห่างทางสังคม แน่นอนว่าธุรกิจประกันชีวิตต้องได้รับผลกระทบแน่นอน และหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่มีใครชักชวนให้ประชาชนวางแผนประกันชีวิตวางแผนประกันสุขภาพเพื่อปกป้องความเสี่ยง ในขณะที่เกิดโรคระบาดย่อมไม่ดีแน่

ดังนั้น ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย จึงได้อนุมัติให้นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในกระบวนการเสนอขายผลิตภัณฑ์ ประกันชีวิตของตนให้เป็นแบบ Digital Face to Face (โดยจะใช้เป็นการเฉพาะกิจ) ตามประกาศ คปภ. เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการออก การเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต/วินาศภัย และการปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนประกันชีวิต/วินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต/วินาศภัย และธนาคาร ในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ.2563

ซึ่งเป็นประกาศการขายประกันเฉพาะกิจ Digital Face to Face ให้สามารถเสนอขายผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเสียง และ/หรือภาพ กับลูกค้าได้ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการเสนอขายกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-Linked) และกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์

ดังนั้น อย่าตกใจเมื่อตัวแทนหรือนายหน้าเสนอการขาย แล้วจะขออนุญาตผู้เอาประกันภัยเพื่อทำการบันทึกภาพการสนทนาและข้อความเสียงเพื่อนำส่งบริษัท ส่วนกรณีที่ท่านสนใจทำประกันภัย ผู้เสนอขายจะสอบถามข้อมูลต่างๆ เพื่อกรอกข้อมูลของท่านในคำขอเอาประกันภัย และเอกสารประกอบการเสนอขายและส่งให้ท่านตรวจสอบความถูกต้องผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น แอพพลิเคชั่น หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) จากนั้นบริษัทจะทำการส่งข้อความสั้น (SMS) หรือโทรศัพท์ไปยืนยันกับท่านอีกครั้ง

และเมื่อท่านตกลงทำประกันภัย ให้ท่านส่งข้อความยืนยัน พร้อมส่งภาพบัตรประชาชน คำขอเอาประกันภัย และหลักฐานการชำระเบี้ยประกันภัยเข้าบัญชีบริษัท โดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เช่นเดียวกัน และเมื่อบริษัทได้รับชำระเบี้ยประกันภัยแล้วจะออกเอกสารการรับเงิน โดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ท่านทันที

จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการออกหรือส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ท่านในฐานะผู้เอาประกันภัย และภายใน 7 วัน บริษัทจะต้องโทรศัพท์ไปขอคำยืนยันการทำประกันภัย (confirmation call) หากท่านประสงค์จะยกเลิกการทำประกันภัย ให้บริษัทคืนเบี้ยเต็มจำนวนให้ผู้เอาประกันภัย ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับแจ้งการยกเลิก และนี่คือการปรับตัวของธุรกิจประกันชีวิตในยุคโควิด-19 ระบาด

แล้วท่านล่ะ...พร้อมเข้าสู่การปรับตัวแล้วหรือยัง