ชู School Managemen System ภาคเอกชนช่วยบริการจัดการข้อมูลศธ.
ศธ.เล็งนำรูปแบบSchool Managemen System ของภาคเอกชน มาบริหารจัดการข้อมูลของศธ. จัดทำฐานข้อมูลตามครม.มอบหมาย ขณะที่ข้อกังวลนักวิชาการห่วงระเบียบทรงผมนักเรียน เชื่อไร้ปัญหา ผู้บริหารสถานศึกษาจัดการได้
วันนี้ (5 พ.ค.2563)นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้ทุกกระทรวงดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลบิ๊กดาต้า เพื่อนำมาเชื่อมโยงกับระบบ Cloud หรือ CloudComputing (คลาวด์) ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับการทำงานของผู้ใช้งานในทุกๆด้าน ทั้งด้านระบบเครือข่าย ด้านการจัดเก็บข้อมูล ด้านการติดตั้งฐานข้อมูลของรัฐบาล เพื่อให้การประสานงานและการเชื่อมโยงข้อมูลการบริหารงานด้านต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะนำรูปแบบการบริหารจัดการเรื่อง School Managemen System ของภาคเอกชนเข้ามาช่วยบริหารจัดการข้อมูลของศธ. เนื่องจากที่ผ่านแม้เราจะมีการจัดทำฐานข้อมูลไว้แล้วแต่เป็นเพียงข้อมูลดิบที่ยังไม่ได้ขมวดให้เข้าที่เข้าทาง
ทั้งนี้ สำหรับรูปแบบการทำงานระบบ School Managemen System ที่ภาคเอกชนได้นำเสนอ พบว่า ระบบดังกล่าวมีความทันสมัยสามารถจัดเก็บข้อมูลครอบคลุมทุกด้าน โดยระบบ School Managemen System เป็นระบบที่เก็บข้อมูลแบบรายละเอียดด้วยการวัดค่าของข้อมูลด้วยว่าเราจะนำไปใช้กับอะไรได้มากที่สุด
อาทิ การวัดส่วนสูง เมื่อวัดแล้วได้ข้อมูล ก็จะทำให้สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ต่อได้ เป็นต้น ซึ่งระบบดังกล่าวจะเข้าไปจับการวัดข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อการศึกษา โดยเฉพาะโรงเรียนขยายโอกาสว่าขณะนี้ควรจะขยายโรงเรียนเท่าที่จำเป็นได้หรือไม่ เพราะการขยายโรงเรียนขยาดโอกาส ไม่ใช่เพื่อความสะดวกของเด็กในการเดินทางเท่านั้น แต่เด็กต้องได้รับการเติมเต็มคุณภาพร่วมด้วย อีกทั้งยังช่วยตรวจจับเงินอุดหนุนรายหัวเด็กที่โรงเรียนบางแห่งมีนักเรียนซ้ำซ้อนด้วย
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่าในที่ประชุมยังได้ขอให้กระทรวงทุกแห่งแก้ไขปัญหาในอดีตที่คั่งค้างมาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพ โดยในส่วนของศธ.จะได้เข้ามาปรับปรุงแก้ไขหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู การปรับปรุงการเลื่อนและขอมีวิทยฐานะ และการอบรมพัฒนาครู ดังนั้นขอให้ทุกฝ่ายไม่ต้องกังวลเราพยายามผลักดันแก้ไขงานที่เป็นปัญหาให้เกิดประโยชน์ต่อครูและผู้เรียนมากที่สุด
นอกจากนั้น นายณัฏฐพล ยังกล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการมีข้อกังวลว่าระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 จะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารโรงเรียน กับ นักเรียน ในการกำหนดการไว้ทรงผมว่าจะให้ออกมาในรูปแบบใดว่า โดยส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากเชื่อมั่นว่าผู้บริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งจะสามารถบริหารจัดการได้
"ทุกวันนี้ทุกฝ่ายต้องเข้าใจในบริบทของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เช่น ในต่างประเทศหลายประเทศก็ได้ให้ความสำคัญในอิสระของความคิดและผมมองว่าระเบียบวินัยเป็นเรื่องที่สามารถบริหารจัดการได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับความเหมาะสมและบริบทของแต่ละโรงเรียน ที่สำคัญคือการหาจุดตรงกลางร่วมกันระหว่างครูอนุรักษ์นิยม ครูรุ่นใหม่ และ นักเรียน ในการหาแนวทางปฏิบัติร่วมกันต่อไป" รมว.ศธ.กล่าว