เร่งลดผลกระทบโภชนาการเด็กในช่วงเลื่อนเปิดเทอม
รมว.ศธ. มอบนโยบายให้ สพฐ.-กสศ.เร่งลดผลกระทบเรื่องโภชนาการอาหารในช่วงเลื่อนเปิดเทอม เลขาสพฐ.กำชับ เขตพื้นที่และโรงเรียน ทำความเข้าใจ ผู้ปกครอง-นร. ขณะที่ กสศ.เตรียมจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมช่วยค่าอาหารแก่ นร.ยากจนพิเศษ ตั้งแต่ 18 พ.ค.นี้
วันนี้ (7พ.ค.) นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) เปิดเผยว่า สพฐ. และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้เข้าพบนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เพื่อรายงานสถานการณ์นักเรียนยากจนพิเศษที่ได้รับผลกระทบจากการเลื่อนเปิดภาคเรียน เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19
โดยรมว.ศธ.ได้สั่งการให้ทาง สพฐ.และกสศ.ร่วมมือกันลดผลกระทบดังกล่าวให้กับนักเรียนกลุ่มนี้อย่างเร่งด่วน เบื้องต้น กสศ.จะจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมให้กับนักเรียนทุนเสมอภาคที่ได้รับเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขต่อเนื่องจากปีการศึกษา 2562 และมีรายชื่อการรับเงินอุดหนุน ภาคเรียนที่ 2/2562 (ข้อมูล ณ เดือน มี.ค. 63) ระดับชั้นประถมศึกษา 1-6 จำนวน 500,000 คน ในอัตรา 600 บาทต่อคน
ทาง กสศ. แจ้งว่าจะจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมนี้ให้แก่โรงเรียนภายในวันที่ 18 พ.ย. 63 และขอให้สถานศึกษาดำเนินการจัดสรรให้แก่นักเรียนและผู้ปกครองให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 พ.ค. 63
นายอำนาจ กล่าวต่อไปว่า สำหรับในการดำเนินงานเพื่อให้นักเรียนยากจนพิเศษได้รับความช่วยเหลือเร็วที่สุด ทาง สพฐ. ขอความร่วมมือให้เขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 225 เขต สร้างความเข้าใจแนวทางและกระบวนการดำเนินงานแก่โรงเรียนในสังกัด โดยเฉพาะวิธีการใช้จ่าย "เงินอุดหนุนนักเรียนทุนเสมอภาคเพิ่มเติม" เพื่อให้เงินช่วยเหลือจาก กสศ.ครั้งนี้ ไปถึงเด็กนักเรียนที่กำลังเดือดร้อนได้เร็วและเกิดประโยชน์มากที่สุด
สำหรับเป้าหมายสำคัญให้นักเรียนทุนเสมอภาคได้ทานอาหารตามภาวะโภชนาการที่ดี ทั้งนี้โรงเรียนสามารถพิจารณาเลือกวิธีบริหารจัดการให้สอดคล้องตามความต้องการของนักเรียน และคำนึงถึงสถานการณ์ บริบทในพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการช่วยเหลือนักเรียน
สามารถดำเนินการได้ 2 แนวทางคือ แนวทางที่ 1 โรงเรียนจัดหาข้าวสารอาหารแห้งที่จำเป็นหรืออาหารที่มีประโยชน์และจัดสรรให้กลุ่มเป้าหมายนักเรียนทุนเสมอภาคหรือผู้ปกครอง แนวทางที่ 2 โรงเรียนจ่ายเงินสดหรือโอนผ่านธนาคารไปยังกลุ่มเป้าหมายนักเรียนทุนเสมอภาคหรือผู้ปกครอง เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนในการจัดหาอาหาร หรือเป็นค่าครองชีพ
"ที่ผ่านมา ต้องขอบคุณคุณครูและโรงเรียนที่ไม่เคยนิ่งเฉย คอยติดตามความเป็นอยู่นักเรียนด้วยความห่วงใยอย่างใกล้ชิด บางแห่งพยายามระดมความช่วยเหลือด้วยทรัพยากรที่มีอยู่อันจำกัด เงินอุดหนุนจาก กสศ.ครั้งนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเด็กๆ ของเราได้ในเบื้องต้น ขอให้ช่วยกันสื่อสารทำความเข้าใจแก่นักเรียนและผู้ปกครองถึงวัตถุประสงค์ในการใช้จ่ายทุนนี้ให้นักเรียนยากจนพิเศษได้ประโยชน์จริงๆ อย่างไรก็ดี รมว.ศธ.ได้มีข้อแนะนำให้ กสศ.หาช่องทางในการขอรับงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษให้ครอบคลุมชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นอีกราว 2 แสนคน ทั้งนี้หาก กสศ.ได้รับงบประมาณเพิ่มเติมก็จะสามารถจัดสรรได้ทันช่วง มิ.ย.นี้" เลขาธิการสพฐ. กล่าว
นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกสศ. กล่าวว่า การช่วยเหลือนักเรียนยากจนด้อยโอกาสในเรื่องของโภชนาการอาหารให้เพียงพอในช่วงเลื่อนเปิดเทอมเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน โดยเบื้องต้น ภายใต้งบประมาณที่จำกัดจะมุ่งไปที่นักเรียนชั้นป.1-ป.6 เนื่องจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลน้ำหนัก/ส่วนสูงในภาคเรียน 2/2561 จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ iSEE ของกสศ. โดยอ้างอิงข้อมูลนักเรียนยากจนพิเศษจำนวน 720,946 คน
พบว่า นักเรียนยากจนพิเศษระดับประถมศึกษามีปัญหาทางภาวะโภชนาการรุนแรงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับระดับมัธยมต้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตในอนาคตอย่างถาวรได้ โดยมีนักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาการที่ควรได้รับการช่วยเหลือในระดับชั้นประถมประมาณ 29,991 คน ซึ่งจะอยู่ในจำนวน 500,000 คนที่จะได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ด้วย
นายสุภกร กล่าวต่อว่า กสศ.ได้เชิญอาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักโภชนาการอาวุโส ร่วมจัดทำรายการข้าวสารอาหารแห้งที่เป็นประโยชน์และมีโภชนาการที่ดีสำหรับเด็กเพื่อแนะนำให้โรงเรียนจัดหาให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาค ภายใต้งบประมาณ 600 บาทต่อคนใน 30 วันเรียน เรียกว่าเป็นถุงยังชีพเพื่อโภชนาการที่ดีของนักเรียนยากจนในช่วงการเลื่อนเปิดเทอม
ประกอบด้วย ข้าวสาร 20 กิโลกรัม ไข่ไก่ 36 ฟอง ปลากระป๋อง 10 ประป๋อง น้ำมันพืช 1 ขวด หากไม่มีอุปสรรคเรื่องการเดินทาง เด็กๆ เดินทางมาง่าย บางโรงเรียนอาจมีศักยภาพในการบริหารจัดการเป็นโรงครัวเพื่อให้เด็กๆ มารับประทานอาหารหรือรับอาหารกลับไปได้ โดยมีการจัดระยะห่างเพื่อความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
"กสศ.ยังประสานกับภาคธุรกิจเอกชนจำหน่ายข้าวสารอาหารแห้งในราคาเท่าทุนหรือต่ำกว่าต้นทุนให้แก่โรงเรียนอีกด้วย สำหรับประชาชนหรือภาคส่วนต่างๆสามารถร่วมบริจาคสมทบเพื่อโภชนาการที่ดีของนักเรียนยากจนพิเศษในช่วงเลื่อนเปิดเทอม และสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่า ได้ที่ https://donate.eef.or.th/main-donate หรือธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี กสศ.มาตรา 6(6) - เงินบริจาค เลขที่บัญชี 1720300216สอบถามรายละเอียดได้ที่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หมายเลขโทรศัพท์ 02- 079-5475" นายสุภกร กล่าว
ด้านนายสง่า ดามาพงษ์ นักโภชนาการชื่อดัง กล่าวว่า ความเดือดร้อนของนักเรียนยากจนพิเศษที่ได้รับผลกระทบเรื่องการขาดแคลนอาหารนั้น ถือว่าเป็นวิกฤตในวิกฤต ขนาดของปัญหานั้นใหญ่มากกระทบเด็กมากกว่า 7 แสนคน ที่ต้องกินอาหารที่บ้านซึ่งไม่สามารถแบกรับภาระตรงนี้ พ่อแม่ให้อาหารลูกไม่ถูกหลักโภชนาการ กินไม่อิ่ม หรือต้องอดมื้อกินมื้อ แม้เพียงแค่ 2-3 เดือน ก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก
โดยเฉพาะเด็กยากจนที่มีภาวะทุพโภชนาการอยู่แล้ว จะยิ่งส่งผลให้มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้ง่ายรวมทั้งโรคโควิด-19 เมื่อเปิดเทอมมา จำนวนเด็กนักเรียนที่ขาดสารอาหารเพิ่มขึ้น มีรูปร่างผอม เตี้ย แคระแกรน ที่สำคัญที่สุดเซลล์สมองของเด็กจะเติบโตช้า มีความเสี่ยงสูงต่อไอคิวต่ำ เรียนหนังสือไม่เก่ง สอบตกซ้ำชั้น ผลกระทบทั้งหมดนี้ยากที่จะกู้คืนกลับมาให้เป็นปกติได้ และจะส่งผลกระทบระยะยาวไปถึงอนาคตเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำ
ทั้งนี้ ได้ร่วมกับ กสศ. จัดทำคู่มือแนะนำผู้ปกครองเพื่อวางแผนจัดการเงินอุดหนุน 600 บาท ให้ถูกแปลงเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ รวมทั้งให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองในการเตรียมอาหารช่วงระหว่างปิดเทอมให้เกิดประโยชน์กับเด็กมากที่สุด สำหรับอาหารที่แนะนำในงบประมาณ 600 บาท ต่อคน ใน 30 วันนั้น เน้นอาหารหลักๆที่จำเป็นต่อเด็กและเก็บรักษาไว้ได้นานไม่เน่าเสียเร็ว
เป็นอาหาร 4 ชนิดสำคัญในถุงยังชีพเพื่อโภชนาการที่ดีของเด็กยากจน ได้แก่ 1.ข้าวสารคืออาหารหลักที่ให้สารอาหารเรียกว่า คาร์โบไฮเดรท เพื่อให้เด็กมีพลังงาน มีกำลังวังชา เรียนหนังสือได้ ร่างกายแข็งแรง 2.ไข่ ให้สารอาหารโปรตีนที่ดี มีวิตามินแร่ธาตุ ซึ่งเด็กๆจะขาดไม่ได้ ต้องได้รับโปรตีนทุกมื้อ เพราะร่างกายจะนำไปสร้างเนื้อเยื่อ และซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอ ให้มีภูมิต้านทานโรค สร้างความเจริญเติบโต
3. ปลากระป๋อง ให้สารอาหารโปรตีนและแคลเซี่ยม ประโยชน์คล้ายๆไข่ รับประทานสลับกับไข่ได้ 4.น้ำมัน ให้สารอาหารไขมัน ร่างกายจะนำไปสร้างพลังงาน สร้างความอบอุ่น และนำวิตามินที่ละลายได้ในไขมันเข้าสู่ร่างกาย สำหรับผักและผลไม้ ที่ให้สารอาหารวิตามินและแร่ธาตุ ขอวิงวอนพ่อแม่ให้หาผักผลไม้ที่มีอยู่ในท้องถิ่นของท่านนำมาปรุงและประกอบอาหารให้ลูกได้กินทุกมื้อ เพื่อให้ลูกได้กินอาหารครบ 5 หมู่