'บรรยิน' ปฏิเสธ ขอให้การในชั้นศาล
"บรรยิน" ปฏิเสธ ขอให้การในชั้นศาล กองบังคับการปราบปรามแถลงสรุปคดี มีความเห็นสั่งฟ้อง 10 ข้อหา
ที่ กองบังคับการปราบปราม พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม แถลงความคืบหน้าคดีจับ พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์ ร่วมกับพวก อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ว่า
คดีนี้ ตำรวจกองปราบฯ จับผู้ต้องหาได้ 6 ราย ล่าสุด คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง พันตำรวจโท บรรยิน กับพวก ทั้งหมด 10 ข้อหา ประกอบด้วย 1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว 3. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวจนถึงแก่ความตาย 4. ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงาน 5. ซ่องโจร 6. ร่วมกันพยายามข่มขืนใจ 7. ร่วมกันซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ 8. ร่วมกันอำพรางศพ 9. ร่วมกันแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน ส่วนข้อหาที่ 10 แจ้งแก่ พันตำรวจโท บรรยิน คือ ความผิดฐานสวมเครื่องแบบ และแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ์
พลตำรวจตรี จิรภพ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในชั้นพนักงานสอบสวน พันตำรวจโท บรรยิน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขอให้การในชั้นศาล มีผู้ต้องหา 1 ราย ให้การรับสารภาพว่าได้ฆ่าและเผาศพพี่ชายผู้พิพากษา พร้อมนำชี้จุดเอาชิ้นส่วนต่างๆ ไปทิ้ง ทั้งจุดทิ้งอุปกรณ์สื่อสาร จุดเผาศพ
ส่วนอีก 4 ราย ให้การภาคเสธ ปฏิเสธในข้อหาร่วมกันฆ่า ส่วนบุคคลอื่นที่ใกล้ชิดกับ พันตำรวจโท บรรยิน ยังไม่พบพยานหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มฆ่าในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ต้องหาจะรับสารภาพหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็มั่นใจในพยานหลักฐานที่พบและทำคดีด้วยความละเอียดรอบคอบ มั่นใจว่าจะสามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ สำหรับคดีนี้ ได้สอบปากคำผู้ต้องหา 6 ปาก พยาน 111 ปาก สำนวน 11 แฟ้ม จำนวน 4,259 หน้า
พลตำรวจตรี จิรภพ กล่าวอีกว่า สำหรับ พันตำรวจโท บรรยิน มีคดีที่เกี่ยวข้อง 4 คดี ดังนี้ 1. คดีการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ หรือการโอนหุ้น ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุก พันตำรวจโท บรรยิน 8 ปี ส่วน ป้อนข้าว และ น้ำตาล ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี ส่วนแม่ของป้อนข้าวศาลยกฟ้อง
ทั้งนี้ ฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยมีสิทธิ์อุทธรณ์ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2563 2. คดีฆาตกรรมอำพรางรถชน ก่อนนี้ทางพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง ซึ่งทางศาลจังหวัดพระโขนงนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 2 มิถุนายน 2563 3. คดีร่วมกันฟอกเงินหุ้นจำนวน 300 ล้านบาท และ 4. คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา
ทั้งนี้ คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งทางตำรวจกองปราบฯ ได้รับแจ้งจากผู้พิพากษาอาวุโสประจำศาลอาญากรุงเทพใต้ว่าพี่ชายได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทางกองปราบฯ จึงได้ระดมกำลังนักสืบลงพื้นที่แกะรอยจากกล้องวงจรปิด สอบสวนพยานแวดล้อมต่างๆ จนนำไปสู่การตรวจค้นครั้งใหญ่พร้อมกันทั้ง 21 จุด ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดนครสวรรค์ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 6 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก