สถิติหลังผ่อนคลาย 7 วัน พบ 'ออกนอกเคหะสถาน-พนัน' ยังสูง
"โฆษก ตร." เผยสถิติหลังผ่อนคลาย 7 วัน พบกระทำผิด 900 กว่าคดี พบ "ออกนอกเคหะสถาน-พนัน" ยังเพิ่ม เหตุปชช.ปรับการใช้ชีวิตไม่ได้ ยังออกไปเที่ยว ยันไม่อยากจับกุมแต่เหลือทน
เมื่อวันที่ 10 พ.ค.63 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ครบ 7 วันหลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนสตรีและรมว.กลาโหม มีข้อกำหนดผ่อนคลายหลายมาตรการ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) โดยพล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) หารือร่วมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ในการดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติจากเดิมมีการตั้งด่านตรวจ หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการ เพิ่มสายตรวจร่วม ประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง กทม. และงานสาธารณสุข ลงพื้นที่ที่มีการผ่อนคลาย รวมทั้งการทำงานในช่วงเวลาเคอร์ฟิว โดยจากการรวบรวมสถิติเปรียบเทียบ 7 วันก่อนหน้านี้ที่มีการผ่อนคลาย และหลัง 7 วัน ไม่ว่าจะเป็นการนอกเคหะสถานในช่วง "เคอร์ฟิว" หรือการรวมกลุ่ม มั่วสุ่ม ลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ
ทั้งสองส่วน ปรากฎว่าหลังจากมีการผ่อนคลาย "ล็อกดาวน์" ภาพรวมกระทำผิดสูงขึ้นนิดหน่อยไม่มาก จากเดิม 7 วันก่อนหน้านี้ประมาณ 4,407 คดี แต่หลังวันที่ 3 พ.ค. จนถึงวันที่ 10 พ.ค. จำนวน 5,363 คดี เพิ่มขึ้นประมาณ 900 กว่าคดี หรือร้อยละ 21 นอกจากนี้ หากแยกในรายละเอียดความผิดออกนอกเคหะสถาน เพิ่มขึ้น 827 คดี ส่วนใหญ่ยังมีประชาชนบางส่วนไม่สามาถปรับการใช้ชีวิตประจำวัน ยังคงออกจากบ้านโดยไม่มีเหตุอันควร เช่น การไปเที่ยวบ้านเพื่อน ร้อนออกมาทำธุระ ซึ่งมันไม่ใช่
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า ส่วนการเล่นการพนันจากเดิม 664 คดี เป็น 704 คดี เพิ่ม 40 คดี แต่ที่น่าสนใจคือ หลังวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ความปิดเรื่องการมั่วสุม โดยการ "ดื่มสุรา" สูงขึ้น เช่น 300 เป็น 600 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองเราไม่อยากจับกุมดำเนินคดี เราอยากตักเตือนแต่เหลือทนจริงๆ ประเภทเตือนแล้วครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ไปยังเจออีก หรือมั่วสุ่ม ดื่มสุรา ส่งเสียงรบกวนประชาชนโทรศัพท์แจ้งเราพบบ่อยมาก
นอกจากนี้ ที่ยังจับกุมได้อยู่ตลอด คือ "เล่นการพนัน" จำนวนรายลดลงก็จริง จากเดิมเล่น 2-3 คน แต่ระยะหลังพบว่ามีผู้เล่นสูงขึ้น 10-20 คน และมีการมั่วสุ่มในเรื่องสุรา ประกอบกัน ซึ่ง ผบ.ทสส และผบ.ตร ย้ำเสมอว่าตรงจุดนี้เป็นสิ่งที่เราตักเตือนมาพอสมควร ในความผิดประเภทซ้ำซ้อน จากนี้ต้องดำเนินการเข้มงวด
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง และสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจสถานที่ประกอบการหลายแห่งที่มีการผ่อนคลาย พบว่าน่าสนใจในช่วง 3-4 วันนี้มีผู้ฝ่าฝืน จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ จากการไปลงพื้นที่ตรวจ 6,000 กว่า ปฏิบัติตามมาตรการประมาณ 6,001 ไม่ปฏิบัติตามประมาณ 1-2% แต่เมื่อคืนวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ตัวเลขน่าชื่นใจตัวเลขเกือบจะศูนย์แล้ว พอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง เขต ท้องถิ่น และสาธารณสุขไปตรวจตรวจตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตามร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และตลาดตัวเลขลดลงไปเยอะพอสมควร ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ร้านอาหารหลายร้านเป็นตัวอย่างที่ดีให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ถ้าต้องนั่ง 2 คนก็มีฉากกั้น
อย่างไรก็ตาม ทั่วประเทศให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้งจากผู้ประกอบการและผู้ที่ไปจับจ่ายใช้สอยใน "ซูเปอร์มาร์เก็ต" อยากให้คงแบบนี้ต่อเนื่องต่อไป
เมื่อถามว่ามีภาพข่าวตั้งบ่อนการพนันหรือถูกจับกุม พอผู้สื่อข่าวไปสอบถามว่าไปรวมกลุ่มกันไม่กลัวหรือ พบว่าไม่กลัว เพราะมีเจลล้างมือ และใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ตรงนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปทำความเข้าใจหรือไม่ว่าการเข้าไปจับกุมไม่ใช่เฉพาะเรื่องการทำความผิดอย่างเดียวเท่านั้น
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ต้องแยกให้ออกเรามีกฎหมายพิเศษพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ละจังหวัดมีพ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งจะออกข้อกำหนดตามพ.ร.บ .โรคติดต่อ แต่ละจังหวัด ซึ่งหลักใหญ่ 3 หลัก ที่ยังมีอยู่คือเรื่องหน้ากาก การล้างมือ แต่ที่บกพร่องบ่อยครั้ง คือ การรักษาระยะห่าง การรวมกลุ่มแบบนั้นเสี่ยงแพร่เชื้อโรค โดยปกติเจ้าหน้าที่สายตรวจชุดเคลื่อนที่เร็วดูครอบคลุมหลายส่วน ทั้ง สถานประกอบการหลายแห่งทำดี เราต้องชม บางส่วนยังต้องปรับปรุง เราดำเนินการ รวมถึงการกวดขัน จับกุม มั่วสุ่ม ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่โรคอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเล่นการพนัน ตั้งวงดื่มสุรา นั่งใกล้กันใส่หน้ากากก็จริง แต่ไม่ตลอดเวลา เพราะมีการพูดคุย เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ เราควบคุมตัวเลขได้อย่างดี แต่ยังมีบางส่วนบกพร่องอยู่
เมื่อถามอีกว่าเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมาตลาดนัดจตุจักรเปิดให้บริการเป็นวันแรก ตำรวจต้องเข้าไปตรวจดูหรือไม่ และพบการกระทำความผิดหรือความไม่เข้าใจของผู้ประกอบการและคนมาเดินจับจ่ายใช้สอยหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ผู้ว่าฯกกทม. และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ประชุมร่วมมือวางมาตรการกันก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นภาพที่น่าชื่นใจ ทุกจุดมีเจ้าหน้าที่กทม. สำนักงานเขต ตำรวจ ทหาร สำนักอนามัย และฝ่ายสาธารณสุข เราตรวจก่อนตามระบบ ดูว่าใส่หน้ากากอนามัย และในระหว่างเดินตามร้านค้าต่างๆทุกร้านให้ความร่วมมืออย่างดี อาจจะต้องมีการตักเตือนกันบ้าง หรือเผลอเรอกันบ้าง เบื้องต้นถือว่าเป็นที่น่าพอใจ