แนวปฎิบัติวิถีชีวิตใหม่ ผ่อนปรนมาตรการเฟส 2
สธ.ออกแนวทางวิถีชีวิตใหม่ผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 2 แนะประชาชน ผู้ประกอบการ หน่วยงานรัฐปฏิบัติตาม พร้อมชี้ชัดไม่ตรวจแบบปูพรม เน้นค้นหาเชิงรุก มีเป้าหมาย ย้ำทุกคนอย่าประมาท ต้องปฏิบัติทุกมาตรการเป็นนิสัย และมีวินัยของตนเอง
สงครามโควิด-19 ยังไม่จบ ทุกคนต้องร่วมมือกัน
วันนี้ (17 พฤษภาคม 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวว่า วันนี้ 17 พฤษภาคม 2563 เป็นวันแรกของการผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 2 ซึ่ง ณ วันนี้ประเทศไทยเดินทาง 128 ของการต่อสู้กับโควิด-19 ระยะเวลาประมาณ 4 เดือนครึ่ง ซึ่งอย่าเรียกว่าประสบความสำเร็จ เพราะสงครามนี้ยังไม่จบสิ้น แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมืออีกมาก แต่เป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงมากของคนในประเทศ ทำให้เรื่องการควบคุมโควิด-19 เป็นไปในระดับที่น่าพอใจ
“ขณะนี้ต้องชื่นชมระบบการควบคุมโรคของไทย ซึ่งกราฟในการระบาด มีปัจจัยเสี่ยง 2 ส่วน คือ State Quarantine และกลุ่มที่ติดเชื้อภายในครอบครัว หรือกลุ่มผู้สัมผัสรายก่อนหน้านี้ และการค้นหาโรค ดังนั้น ต่อให้คุมได้ดีในเรื่องการควบคุมโรค แต่ทุกคนต้องดำเนินการมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด” นพ.บัญชา กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมมาตรการควบคุมหลักนั้น ขณะนี้จะใช้ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมกับมาตรการเสริม คือ มาตรการเฉพาะพึงให้ความร่วมมือ และจะมีคู่มือปฏิบัติ ซึ่งเป็นแนวทางเงื่อนไขของแต่ละพื้นที่เพื่อให้ประชาชนดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยจากการแพร่ระบาดโดยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเพิ่มมาตรการใช้แอปพลิเคชั่นทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามที่ทางราชการกำหนดหรือใช้มาตรการควบคุมด้วยการบันทึกข้อมูลและรายงานทดแทน
“วิถีชีวิตใหม่ตามมาตรการผ่อนปรนระยะ2 ประชาชนสามารถช่วยดูแลตนเองได้ โดยการคัดกรองตนเองว่าป่วยหรือมีความเสี่ยง ประเมินความจำเป็นและวางแผนออกนอกบ้านให้สั้น เลือกสถานบริการมาตรฐานตามมาตรการรัฐ ใช้เครื่องป้องกันสวมหน้ากาก เจลแอลกอฮอล์และให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการของสถานประกอบการ ส่วนความร่วมมือของประชาชนในสถานประกอบการ คือ ต้องลงทะเบียน คัดกรอง ล้างมือเจลหรือสบู่/น้ำ ลงทะเบียนไม่ใช้ของร่วม ลดพูดคุยดัง เลี่ยงพื้นที่หนาแน่น และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล” นพ.บัญชา กล่าว
ส่วนของผู้ประกอบ/สถานประกอบการนั้น วิถีใหม่ ต้องปรับดังนี้ ลงทะเบียนจัดคิวล่างหน้า จัดที่รอ คัดกรอง เจลล้างมือ จัดสถานที่หรือบริการลดแน่นเว้นระยะ ทำความสะอาด ระบายอากาศ งดสุรา จำกัดเวลาบริการ จำกัดบริการหรือกิจกรรมใกล้ชิด ขณะที่หน่วยงานรัฐ ต้องแยก กัก ดูแล ติดตามรายสัมผัสคนป่วย คนเสี่ยง
แพลตฟอร์มไทยชนะ การลงทะเบียน ผู้ประกอบการและประชาชน คู่มือการปฎิบัติของกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานพื้นที่ตรวจสอบ กำกับ และสายตรวจ ตำรวจ ทหารและสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจะดำเนินไปได้ต้องมีมาตรการผ่อนปรนที่พอดี และต้องไม่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคด้วย
แนะจังหวัดปลายทางรับมือผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง
นพ.อนุพงค์ สุจริยากุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าถือเป็นข่าวดี ว่าแม้จะพบผู้ป่วย 3 ราย แต่เป็น 3 รายที่พบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ เป็นคนไทย 3 คนที่กลับมาจากต่างประเทศ ทำให้เห็นได้ว่าไม่มีการแพร่ระบาดในชุมชน หรือภายในประเทศ ถือเป็นความสำเร็จของประชาชนทุกคน
ตอนนี้ไทยอยู่ในระยะผ่อนปรน และยังไม่มีการติดเชื้อในลักษณะที่เป็นกลุ่มก้อน ดังนั้น ขอให้ทุกคนอย่าประมาท ต่อให้เข้าสู่ระยะที่ 2 ต้องเข้มข้นในหลายเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขให้คำแนะนำ เพราะต่อให้มีการผ่อนปรนประกาศเคอร์ฟิว และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
“ปรากฎการณ์ช่วงที่มีรอยต่อว่าจะขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และจะผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 1 ที่เรียกว่ากิจการสีขาว หรือไม่นั้น ทำให้ผู้คนที่กลับภูมิลำเนาของตนเอง เนื่องจากจังหวัดที่ตนเองอยู่ในการปิดเมือง เช่น จ.ภูเก็ต มีคนทำงานในพื้นที่เยอะมาก เมื่อภูเก็ตปิดเมือง ทำให้หลายคนกลับภูมิลำเนาของตนเอง ดังนั้น กลุ่มคนที่เดินทางมากจากภูเก็ตต้องระมัดระวัง เพราะขณะนี้ช่วงระยะฟักตัว 14วัน ก็พบผู้ป่วย 2 ราย ในจ.ปราจีนบุรี และเชียงใหม่ เป็นกลุ่มคนที่ทำงานจากภูเก็ต แต่จังหวัดอื่นๆ ยังไม่พบ ขอให้ทุกคนที่กลับมาจากทำงานจากภูเก็ต ต้องดูว่าตัวเองมีระยะอาการหรือไม่ โดยช่วงหลังที่มีอาการวันที่ 5-9 ถ้ามีอาการหนักจะเกิดขึ้นเร็วมาก สิ่งที่ระบบจังหวัด และอสม.ต้องดำเนินการ หากมีคนต่างถิ่นเข้ามา ให้เฝ้าดูในระยะเวลา 14 วัน จังหวัดปลายทางต้องระมัดระวัง”นพ.อนุพงค์ กล่าว
ย้ำชัดไม่ตรวจแบบปูพรม เน้นค้นหาเชิงรุก
นพ.อนุพงค์ กล่าวต่อว่าขณะนี้ประเทศไทยไม่สนับสนุนการตรวจแบบปูพรมโดยไม่มีเป้าหมาย เราจะได้ผลการตรวจต่ำมาก ไม่คุ้มค่ากับการตรวจ แต่เราจะดำเนินการนอกจากการตรวจผู้มีอาการแล้ว จะมีการค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้งเสี่ยงสูง และเสี่ยงต่ำ รวมถึงจะมีการติดตาม ค้นหาผู้ป่วยที่อาจจะมีอาการน้อย หรือไม่มีอาการแต่ติดเชื้อแล้วในชุมชน เป็นการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก อีกทั้งแต่ละเขตสุขภาพ ในแต่ละจังหวัด ให้จัดทำแผนค้นหากลุ่มเสี่ยงแ ละพื้นที่เสี่ยงของแต่ละจังหวัด
ทั้งนี้ สำหรับรายงานผลสำรวจพฤติกรรมของประชาชนก่อนและหลังผ่อนปรนมาตรการ ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถาม ประมาณ 20,000 กว่าคน พบว่า ก่อนผ่อนปรนการล้างมือ การใส่หน้ากากอนามัย/ผ้า การรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล การล้างมือบ่อยๆ กินร้อน ช้อนกลางของตนเองทุกคน ทุกคนปฏิบัติอย่างเข้มข้น และหลังผ่อนปรน การใส่หน้ากากอนามัย/ผ้า ให้ความร่วมมืออย่างดีมาก ส่วนการดำเนินการมาตรการอื่นๆ อาจจะมีการลดลงบ้าง แต่ถ้ามองประสิทธิผลของมาตรการ อยากให้ทุกคนปฏิบัติทุกมาตรการให้เป็นนิสัย และมีวินัยของตนเอง