"สนธิรัตน์"ตรวจเข้มงบกองทุนอนุรักษ์ฯ ยันโปร่งใสทุกขั้นตอน
“สนธิรัตน์” ยันวางเกณฑ์เข้ม อนุมัติโครงการฯยื่นของบกองทุนอนุรักษฯ 5,600 ล้าบาท โปร่งใส่ทุกขั้นตอน ไม่กังวลกระทบ “เก้าอี้ทางการเมืองสั่นคลอน พร้อมขึ้นแบล็คลิสต์ไม่พิจารณาโครงการประวัติเสีย
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การเปิดรับข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (กองทุนอนุรักษ์ฯ) ประจำปีงบประมาณ 2563 ภายใต้วงเงิน 5,600 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 8-18 พ.ค.2563 ล่าสุด มีผู้สนใจยื่นเสนอโครงการฯ เป็นวงเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากครบกำหนดปิดยื่น 18 พ.ค.นี้ ทางคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณของกองทุนฯ ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน จะดำเนินการพิจารณาโครงการฯตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้ คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 เดือน หรืออนุมัติได้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้ และเริ่มดำเนินโครงการฯได้ตั้งแต่ 1 ก.ค.2563 เป็นต้นไป
โดยการยื่นเสนอโครงการฯเพื่อขอสนับสนุนวงเงินดังกล่าวในปี 2563 นี้ ได้แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.ประเภทหน่วยงานทั่วไป(เปิดปกติทุกปี) ได้แก่ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา และ 2.ประเภทรูปแบบคณะกรรมการจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน (เพิ่มเติมในปีนี้) และมีพลังงานจังหวัด เกษตรจังหวัด และจะรวมถึงองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่เป็นรูปแบบสถานีเครือข่ายพลังงาน เป็นต้น โดยงบประมาณที่อนุมัติจะมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก หลังพ้นสถานการณ์โควิด-19
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของขั้นตอนการดำเนินงานนั้น ปีนี้ ได้วางไว้อย่างรัดกุม โดยมีคณะอนุกรรมการ 4 ชุด ประกอบด้วย 1. อนุกรรมการกองทุนฯที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพลังงาน เป็นประธาน 2. คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการที่มีปลัดพลังงานเป็นประธาน 3. คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการที่มีนายพรายพล คุ้มทรัพย์ เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการบริหารสำนักงานที่มีนายสกล วรัญญวัฒนา เป็นประธาน
“ตัวผมเองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการอนุมัติโครงการ เพราะทุกโครงการที่เสนอจะผ่านคณะอนุกรรมการฯของท่านปลัด และสุดท้ายก็ต้องผ่านบอร์ดใหญ่ ที่มีรองนายกฯเป็นประธาน ผมไม่มีอำนาจไปสั่งการคณะกรรมการชุดนั้นๆได้ และมีเกณฑ์ติดตามความโปร่งใสได้”
ส่วนกรณีกระแสข่าว การนำเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ มาแลกกับเก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังงานประชารัฐโดยเสนองบตัวเลข 8 หลักให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ให้ยกมือสนับสนุนนั้น นายสนธิรัตน์ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะทุกขั้นตอนดำเนินการตามกฎเกณฑ์ อย่างโปร่งใสในการอนุมัติโครงการฯ ซึ่งมีระบบกลไกที่ตรวจสอบได้ และไม่กังวลว่า การอนุมัติโครงการฯในปีนี้ จะนำไปสู่การสั่นคลอนเก้าอี้ทางการเมืองแต่อย่างใด เพราะมั่นใจว่าไม่ได้มีเรื่องที่ไม่โปร่งใสเกิดขึ้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า หลังการอนุมัติโครงการฯแล้ว ยังจะมีการนำมาเปิดเผยในเว็บต์ไซต์ เพื่อให้สาธารณะเข้าไปตรวจสอบได้ และหากโครงการฯไหนในอดีตที่มีปัญหาและปัจจุบันยังมีข้อร้องเรียนก็จะขึ้นแบล็คลิสต์ไม่ให้มายื่นขออีก อีกทั้ง หากพบว่าโครงการฯไหนมีปัญหา ก็ข้อให้ร้องเรียนเข้ามายังคณะกรรมการฯ จะเข้าไปตรวจสอบทั้งหมด
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการ กล่าวว่า หลังจากปิดยื่นเสนอโครงการฯแล้ว จะต้องตั้งเกณฑ์ให้สอดรับกับเศรษฐกิจฐานรากและการจ้างงาน ซึ่งจะดำเนินการตามกติกาที่ตั้งไว้อย่างเข้มข้น เพราะเวลาทำงานมีน้อย ซึ่งปีนี้จะเน้นการพิจารณาเป็นรายจังหวัด แทนที่จะเข้าโครงการเป็นตัวตั้ง เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณ กระจายถึงพื้นที่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กรอบยุทธศาสตร์การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีงบประมาณ 2563 อยู่ที่ 5,600 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 แผนงาน ดังนี้ 1.แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน มีกรอบงบรวม 5,000 ล้านบาท 2.พลังงานงานทดแทน มีกรอบวงเงินรวม 4,700 ล้านบาท และ 3.แผนบริหารจัดการ ส.กทอ. มีกรอบวงเงินรวม 300 ล้านบาท
โดยในแผนงานดังกล่าว จะมีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากระบุชัดเจน ในข้อ 1.7 กลุ่มงานสนับสนุนลดต้นทุน ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มเศรษฐกิจฐานราก กำหนดจัดสรร 1,500 ล้านบาท และ ข้อ 2.7 กลุ่มงานสนับสนุนลดต้นทุน ยะระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มเศรษฐกิจฐานราก และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดจัดสรร 2,162 ล้านบาท ที่ภาครัฐต้องการเร่งรัดให้เกิดการขับเคลื่อนโครงการได้โดยเร็ว