ชาวบ้านม่วงงาม จ.สงขลา นัดแสดงจุดยืนเรียกคืนชายหาด
พื้นที่ริมชายหาดหมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 8 ตำบลม่วงงาม เดินหน้าแสดงจุดยืนเรียกคืนชายหาด กรณีพิพาทเรื่องการสร้างแนวเขื่อนกั้นคลื่นริมหาดม่วงงาม ความยาว 710 เมตร
วันนี้เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวลงสำรวจพื้นที่ริมชายหาดหมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 8 ตำบลม่วงงาม ซึ่งขณะนี้กำลังมีกรณีพิพาทเรื่องการสร้างแนวเขื่อนกั้นคลื่นริมหาดม่วงงาม ความยาว 710 เมตร โดยก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการก่อสร้างเขื่อนกั้นคลื่นที่มีเจ้าภาพคือกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งใช้วิธีการเรียกร้องผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย และการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ การทำกิจกรรมริมชายหาด เนื่องจากให้เหตุผลว่าการก่อสร้างเขื่อนนั้นจะทำให้วิถีชีวิตของชาวบ้านในละแวกนี้เปลี่ยนไป
ขณะที่วันนี้ มีชาวบ้านบางกลุ่มติดป้าย เพื่อแสดงจุดยืนเพื่อเรียกร้องให้มีการทบทวนการก่อสร้างเขื่อนกั้นคลื่นอีกครั้ง และมีการนัดหมายเพื่อมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์กันในวันนี้เวลา 16.00 น.
นอกจากนี้ยังมีประชาชนในพื้นที่ ชื่อเฟซบุ๊ค “อนุมาน คณะเเนม” ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารที่อยู่ริมชายหาดม่วงงาม และเป็นเจ้าของบ้านที่มีการติดป้ายแสดงจุดยืนนั้น ได้ออกมาเรียกร้องผ่านทางเฟซบุ๊ค
โดยมีใจความว่า “ทวงสัญญา ปี 2555 ผมได้ลาออกจากงานประจำ ตั้งใจกลับมายุม่วงงาม ผมเริ่มเก็บขยะชายหาด จนหลายคนติดว่าผมบ้าหรือเปล่า คือ จุดเริ่มต้นของความสวยงามหาดม่วงงาม ก่อนหน้า 6 เดีอนนายกเทศมนตรืเมืองม่วงงามถามผมในฐานะผมยุริมทะเลถ้าทำกำแพงกันคลื่นได้ไม่ผมบอกได้ แต่หาดทรายของผมต้องคงอยู่ตอนนี้การก่อสร้างทำให้หาดทรายของผมไม่เหลือเลยผมขอเรียกร้องเอาหาดทรายของผมคืน ยกเลิกโครงการก่อสร้างแนวกำแพงกันคลื่นหากโครงการนี้สำเร็จจะเกิดความเสียหายกับชาวม่วงงามเป็นอย่างมาก ผมขอคัดค้านด้วยวิถีที่ถูกต้องและชอบด้วยกฏหมายทุกวิถีทางผมอยากให้ลูกหลานชาวม่วงงาม ที่มีความรู้ความสามารถโปรดหันกลับมาดูกันบ้าง อย่าทำตัวเฉย ทำให้เขาเห็นว่าคนม่วงงามมีความรักบ้านเกิดขนาดไหน สุดท้ายนี้ผมขอโทษทุกท่านที่ไม่พอใจท่านที่เข้าใจ เผื่อมีผู้ที่สามารถช่วยเหลือหยุดการก่อสร้างโครงการนี้เพื่อพี่น้องและลูกหลาน มันคือมรดกผืนสุดท้ายของม่วงงามที่ธรรมชาติให้มาโดยไม่ต้องชื้อ”
และก่อนหน้านี้ทางกลุ่มแกนนำชาวบ้านได้รวมตัวกันยื่นร้องต่อศาลปกครอง โดยขอให้ศาลพิจารณายกเลิกโครงการก่อสร้าง และขอให้เพิกถอนการอนุญาตของกรมเจ้าท่าที่ให้กรมโยธาธิการเข้าดำเนินการโครงการบนพื้นที่ชายหาด รวมทั้งขอให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามโครงการพร้อมกับปรับสภาพพื้นที่ให้กลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป แต่ศาลปกครอง เห็นว่า ไม่เป็นคดีเร่งด่วน จึงรับฟ้องคดีทั่วไป และจะนัดสืบพยานอีกครั้ง เพื่อพิจารณาว่าจะขอคุ้มครองชั่วคราวได้หรือไม่