ปชช.พอใจรัฐ แจกเงิน 'เยียวยาเกษตรกร-เราไม่ทิ้งกัน' ช่วงโควิด-19
"ซูเปอร์โพล" เผยประชาชนชาวไทย 83.5% พอใจมาตรการแจกเงิน "เยียวยาเกษตรกร-เราไม่ทิ้งกัน" ช่วงโควิด-19 รองลงมา 80.9% ลดค่าไฟ
เมื่อวันที่ 24 พ.ค.63 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง สามัคคีปรองดอง กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินการเก็บข้อมูลแบบผสมผสาน (Mixed Method) ทั้งการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การลงพื้นที่และการเก็บข้อมูลในโลกโซเชียลทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,097 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่าง 18 - 23 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงมาตรการรัฐบาลช่วงโควิด-19 ที่ประชาชนพอใจ พบ 5 อันดับแรกได้แก่ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.5 ระบุมาตรการแจกเงิน "เยียวยาเกษตรกร" , "เราไม่ทิ้งกัน" รองลงมาคือ ร้อยละ 80.9 ระบุลดค่าไฟ ร้อยละ 63.1 ระบุ ลดราคาน้ำมัน ร้อยละ 34.9 ระบุ ลดราคาสินค้า และร้อยละ 33.9 ระบุลดค่าน้ำประปา ตามลำดับ
เมื่อถามถึงความต้องการต่อมาตรการให้รัฐบาลขยายเวลาช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมอีก พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.9 ระบุ ลดค่าไฟ รองลงมาคือร้อยละ 72.2 ระบุ แจกเงิน ร้อยละ 66.5 ระบุ ลดราคาน้ำมัน ร้อยละ 40.7 ระบุ ลดราคาสินค้า และร้อยละ 38.2 ระบุ ลดค่าน้ำประปา ตามลำดับ
เมื่อถามถึงความพอใจของประชาชนต่อมาตรการต่าง ๆ เป็นผลงานของทีมคณะรัฐมนตรีทั้งคณะที่ช่วยเหลือประชาชนหรือเป็นผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.3 ระบุเป็นผลงานของทีมคณะรัฐมนตรีทั้งคณะที่ช่วยแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ในขณะที่เพียงร้อยละ 6.7 ระบุเป็นผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงคนเดียว
เมื่อถามถึง การตัดสินใจของประชาชน ถ้าสมมติประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรีว่า จะรักษาทีมคณะรัฐมนตรีนี้ไว้หรือจะไม่รักษาทีมนี้ไว้ หลังโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.8 จะรักษาทีมคณะรัฐมนตรีนี้ไว้ ในขณะที่ร้อยละ 5.2 จะไม่รักษาทีมคณะรัฐมนตรีนี้
ที่น่าเป็นห่วงคือ ระดับความขัดแย้งรุนแรงทางการเมืองหลังโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.5 ระบุค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 25.5 ระบุค่อนข้างน้อยถึงไม่รุนแรงเลยที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.8 ระบุ รัฐบาลไม่สำเร็จเรื่องความสามัคคีปรองดองของคนในชาติเพราะคนในรัฐบาลเองมีแค่ไม่กี่คนยังไม่สามารถสามัคคีปรองดองกันได้เลย แย่งชามข้าว แย่งน้ำข้าว แย่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วงเวลาชาวบ้านกำลังทุกข์
คนในรัฐบาลเป็นต้นเหตุความขัดแย้งเสียเอง ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีของความสามัคคีปรองดอง ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีเรื่องความสงบสุขของบ้านเมือง ผู้ใหญ่ในรัฐบาลบางคนถูกลิ่วล้อยุยงปลุกปั่นเล่นเกมการเมืองกันมากเกินไปไม่ได้รักประชาชนกันจริง ๆ แบ่งพรรคแบ่งพวก เป็นต้น
ในขณะที่ร้อยละ 40.2 ระบุสำเร็จ เพราะรัฐบาลทำงานมาต่อเนื่อง สำเร็จแต่เป็นเพราะลักษณะปกติของคนไทยที่มีจิตใจรักสงบรักสามัคคีกันมากกว่าเป็นผลงานของรัฐบาล และสำเร็จเพราะประชาชนเห็นรัฐบาลมีผลงาน เป็นต้น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กล่าวว่า ใครเป็นพระเอกละครช่วงโควิด-19 คำตอบในละครการเมืองคือ ไม่มี เพราะชาวบ้านเขาบอกว่าเป็นผลงานของทีมคณะรัฐมนตรีทั้งคณะและประชาชนทั้งประเทศที่ยอมลำบากเดือดร้อน ชาวบ้านนับแสนนับล้านทิ้งที่ทำงานทิ้งอาชีพหนีเอาตัวรอด บ้างก็ติดเชื้อตายบ้างก็ฆ่าตัวตาย บ้างก็อดอยาก หิวโหย ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวไม่อาจเลี้ยงดูผู้คนในบ้านได้เพราะตกงานต้อง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” จนไม่มีจะกิน
แต่คนในรัฐบาลบางคนกลับมุ่งใช้ห้วงเวลาแห่งทุกข์ของประชาชนนี้แย่งชิงตำแหน่งแบ่งพรรค แบ่งพวกยุยงผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้นั่งวางแผนเล่นเกมการเมืองหัวเราะเฮฮาเมื่อแผนของพรรคพวกของตนเองประสบความสำเร็จบนทุกข์ของประชาชนไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีของความรักความสามัคคีปรองดองและจะนำพาคนทั้งประเทศอีกกว่าหกสิบล้านคนไปสู่ความสามัคคีปรองดองได้อย่างไร