เร่งหาสาเหตุไฟไหม้ตึกวิจัยกำลังก่อสร้าง คณะแพทย์ มอ. สอบพยานเพิ่ม-ตรวจกล้องวงจรปิด
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบอาคารกำลังก่อสร้าง คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หรือ มอ. หลังเพลิงไหม้เมื่อคืนที่ผ่านมา เผยสอบพยานเพิ่ม-ตรวจกล้องวงจรปิด
วันนี้ 25 พ.ค. 2563 พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีไฟไหม้ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หรือ มอ. ในพื้นที่ สภ.คอหงส์ จังหวัดสงขลา ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด โดยอยู่ระหว่าง การสืบสวนสอบสวน สอบปากคำพยานเพิ่มเติม รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
โดยเบื้องต้นพบเห็นเพลิงไหม้จากบริเวณชั้น 8 ของอาคาร โดยขณะนี้พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำพยาน และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน อยู่ระหว่างไล่กล้องวงจรปิด สืบสวนหาข่าวโดยรอบ และ วันนี้เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกลางจะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ตลอดจนพิสูจน์ทราบ ต้นเพลิงว่าเกิดจากที่ใดและกลุ่มควันที่เกิดจากเพลิงไหม้นี้เกิดจากสาเหตุใด โดยขอเวลาให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง และหากพบว่าเกิดจากความบกพร่องของผู้ใด ก็จะดำเนินการตามกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับเหตุไฟไหม้นี้ เกิดเมื่อวันที่ 24 พ.ค. เวลาประมาณ 21.20 น. เพลิงไหม้อาคารกำลังก่อสร้างข้างหอพักดาหลา 2 ภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นอาคารวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ชั้นบนสุดมุมทิศตะวันตกของตัวอาคาร
ทั้งนี้ เมื่อช่วง 22.00 น. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ศักดิสิทธิ์ มีแสง ผกก.สภ.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งได้เกิดเหตุไฟไหม้ภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ โดยจุดเกิดเหตุเป็นตึกซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างเป็นศูนย์เทคโนโลยีคณะแพทย์ศาสตร์ความสูง 16 ชั้น และกำลังก่อสร้างถึงชั้นที่ 9
โดยไฟได้ลุกไหม้ขึ้นจากปล่องลิฟท์และลุกลามขึ้นไปทั้ง 9 ชั้นเปลวไฟลุกโชติช่วงแดงฉานท่ามกลางความมืด โดยช่วงเกิดเหตุทั้งแพทย์และพยาบาล ซึ่งพักอยู่ในหอพักที่อยู่ติดกันต่างพากันลงมาจากห้องพักมาอยู่ด้านล่างด้วยความตกใจ
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทั้งจากเทศบาลเมืองคอหงส์ และเทศบาลนครหาดใหญ่ ต้องใช้รถกระเช้าในการฉีดน้ำดับไฟเพราะจุดที่ไฟไหม้อยู่บนชั้น9 ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงจึงดับไฟเอาไว้ได้ แต่ยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุได้ ต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่ามีผลกระทบกับโครงสร้างหรือไม่ ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจร