คุ้ยปมเงินบริจาค 15 ล้าน! สอบพ่อ-แม่ 'แม่ปุ๊ก' 7 ชั่วโมง เรียกน้องชายให้ปากคำเพิ่ม
ตำรวจกองปราบปราม เชิญตัว พ่อ-แม่ "แม่ปุ๊ก" สอบนานกว่า 7 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนแยกสอบทุกประเด็น เน้นพฤติกรรมเลี้ยงดูเด็กทั้งสองคน-เส้นทางการเงินในบัญชี คุ้ยปมเงินบริจาค 15 ล้าน พร้อมประสานน้องชายให้ปากคำ คาดใช้เวลาสอบตลอดทั้งคืน
ที่กองบังคับการปราบปราม เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 26 พ.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมาทางตำรวจกองปราบปราม เชิญตัวพ่อและแม่ของ น.ส.ปุ๊ก จากบ้านย่านดอนเมืองเข้ามาที่กองปราบปราม เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นต่างๆ เพื่อให้คลายข้อสงสัยในทุกประเด็น
ส่วนรายละเอียดการสอบปากคำยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยสอบปากคำใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมง โดยทางพนักงานสอบสวนได้แยกสอบให้ครบถ้วนในทุกประเด็น เกี่ยวกับพฤติกรรมของ น.ส.ปุ๊ก ในระหว่างการเลี้ยงดูลูกทั้ง 2 คน รวมถึงเส้นทางการเงินในบัญชี ว่า ครอบครัว ทราบถึงเงินที่ได้รับบริจาค รวมถึงการนำไปใช้จ่าย มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานให้น้องชายเข้ามาให้ปากคำในคืนนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะใช้เวลาสอบตลอดทั้งคืน
ขณะที่ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 4 กองปราบปราม เปิดเผยว่า การสอบปากคำพ่อแม่ของ น.ส.ปุ๊ก ยังไม่แล้วเสร็จ เบื้องต้นจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้สามารถเอาผิด น.ส.ปุ๊ก ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น จึงต้องเรียกบุคคลที่ใกล้ชิด น.ส.ปุ๊ก เข้ามาให้ข้อมูลทุกคน เพื่อคลายข้อสงสัยในทุกประเด็น
เร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินรับโอน 5 บัญชี
วานนี้ (26 พฤษภาคม 2563) พลตำรวจตรีจิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผย ความคืบหน้าคดีนางสาวปุ๊ก ที่ต้องสงสัยวางยาเด็ก 2 คน เพื่อหลอกรับเงินบริจาค โดยระบุว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินจากบัญชีรับโอนเงินทั้ง 5 บัญชี ที่เบื้องต้นพบว่าระหว่างปี 2561-2563 หรือตั้งแต่เปิดบัญชีมา มีเงินหมุนเวียนรวมกว่า 15 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเป็นยอดเงินที่มาจากการรับบริจาครักษาอาการป่วยของเด็กทั้ง 2 คน กับเงินขายสินค้าต่างๆ แต่ขณะที่ตำรวจอายัดบัญชี กลับมียอดคงเหลืออยู่ภายในบัญชีเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบต่อว่าเงินถูกยักย้ายถ่ายเทไปที่บัญชีใครบ้าง หรือถูกโอนเข้าบัญชีพ่อและแม่ของนางสาวปุ๊กหรือไม่
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบว่านางสาวปุ๊กมีพฤติกรรมติดการพนัน แต่เชื่อว่าอาจมีการรับเด็กเล็กมาอุปการะ และใช้ความน่าสงสารในการหาประโยชน์ เพราะที่ผ่านมามีประวัติถูกจับกุมคดีฉ้อโกงทรัพย์ตั้งแต่ปี 2559 จำนวน 2-3 คดีแล้ว ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่านางสาวปุ๊กเคยเข้ารับการรักษาปัญหาสุขภาพจิต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมานั้น ตำรวจยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดและอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ แต่จากการสอบปากคำที่ผ่านมา ผู้ต้องหาก็ยังให้การเหมือนคนปกติ มีสติสัมปัชชัญญะดี ไม่พบอาการคล้ายการป่วยทางจิตใดๆ เชื่อว่าไม่น่าจะกระทบต่อรูปคดี
ส่วนกรณีที่มีรายงานว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอระหว่างแม่ปุ๊ก กับ ด.ช. วัย 2 ขวบ เป็นแม่ลูกจริงๆนั้น ยังไม่ได้รับรายงานผลการตรวจ จากกองพิสูจน์หลักฐานกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ