'หมอชลน่าน' อัดรัฐบาลเอาโควิด-19 เป็นแพะบริหารเศรษฐกิจพัง
"หมอชลน่าน" อัดรัฐบาล เอาโควิด -19 เป็นแพะรับบาป บริหารเศรษฐกิจพัง มองใช้ "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" ต่อความมั่นคงรัฐบาล
เมื่อวันที่ 28 พ.ค.63 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรถือเป็นหน้าที่โดยตรง และเป็นความสคัญของประเทศนำไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ในการพิจารณาอนุมัติ 1.9 ล้านล้านบาท การอนุมัติตนไม่ห่วงเพราะยึดหลักเสียงข้างมาก แต่เมื่อจะอนุมัติขอให้ดูหลักการเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน สภาต้องคำนึงถึงความต้องการของประชาขน ที่ต้องเป็นธรรมทั่วถึง ต้องดูศักยภาพ และสิ่งที่รัฐบาลได้ทำที่ผ่านมา เมื่อครม.เสนอขอเงินตราเป็นพ.ร.ก.ตามความจำเป็นเร่งด่วน ต้องดูสาระสำคัญในพ.ร.ก. และรายละเอียดแผนงานโครงการโดยเฉพาะ 1 ล้านล้าน ที่กู้ให้กระทรวงหารคลัง และต้องดูศักยภาพของรัฐบาล ผู้ที่นำเงิรไปใช้ ที่ประชาชนต้องเป็นเจ้าของภาระหนี้ และต้องดูว่าสภา สามารถเข้าไปตรวจสอบความโปร่งใส
ส่วนการอนุมัติเงินให้รัฐบาล สิ่งแรกต้องให้ความสำคัญกับข้อเสนอประชาชน 3 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดปัญหา สิ่งที่ต้องการของประชาชน จากการเปิดช่องทางเพจเฟซบุ๊ก "หมอชลน่านเอฟซีไม่มีดราม่า" โดยตัวอย่างที่อยากบอกกับนายกรัฐมนตรี จะทำอะไรให้คิดถึงประชาชนเป็นหลัก
นอกจากนั้นยังได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มนักดนตรี นักแสดง ทั่วประเทศ ว่ามีคนเกือบล้านคนได้รับผลกระทบทันที และยังมีกลุ่มผู้ประกอบการ 26 พ.ค. สภาวิสาหกิจชุมชน ได้ยื่นข้อเสนอพรรคเพื่อไทย โดยบัญชีแนบท้ายเอสเอ็มอี 3 ล้านกว่าผู้ประกอบการ และขนาดกลาง 1.4 หมื่นราย เงินที่จะไปเยียวยามีน้อยมากที่จะได้รับการช่วยเหลือ
โดยความเดือดร้อนของประชาชนทุกคนได้รับผลกระทบ มากน้อยแตกต่างไปตามสถานะอาชีพ โดยสามารถเเบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 500,000 คน ประกอบด้วย ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิต รวมไปถึงคนในครอบครัว ส่วนคน 66.5 ล้านคน ได้รับความเดือนร้อนจากพิษมาตรการของรัฐ ไม่ใช่เกิดจากโรค โดยจากหลักการและเหตุผล ซึ่งนายกรัฐมนตรี บอกว่าเป็นการระบาดของเชื้อโรคโคโรนา 2019 ตนไม่ขอเถียง แต่ข้อเท็จจริงอุบัติการเจ็บป่วยตาย ถือเป็นการติดเชื้อธรรมดา เนื่องจากมีจำนวนน้อยกว่าโรคไข้หวัดใหญ่ แต่เป็นการระบาดทั่วโลกของถือว่าเป็นโรคระบาดอันตราย
ขอบคุณภาพจาก หมอชลน่านFcไม่มีดราม่า
แต่พบว่าความเดือดร้อนเกิดจากพิษการบริหารผิดพลาด บกพร้อง มาตราการไม่สอดคล้องเหมาะสม ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน การฉ่อฉนจากภาวะวิกฤต อย่างหน้ากากอนามัย ไข่ไก่ มีให้เห็นตลอด และการประกาศการสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งศบค.ขึ้น แต่ศบค.กลับเป็นการบริหารความมั่นคงให้กับรัฐบาล ไม่ใช่ภาวะวิกฤต ภาพที่เห็นเป็นเพียงการบริหารภาวะปกติ ปล่อยให้หน่วยงานแก้ไขปัญหากันเอง และรัฐบาลใช้โควิดเป็นข้ออ้างในการสร้างความมั่นคงให้รัฐบาล อย่างการต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากห่วงความมั่นคง โดยก่อนหน้านี้ทุกคนรู้ดีว่าประเทศมีวิกฤตอะไรบ้าง เหตุที่ทำให้คนเดือนร้อนเพราะใช้โควิดเป็นเเพะในการกลบเกลื่อน ความจริงรัฐบาลมีปัญหาในการบริการภาวะเศรษฐกิจ และงบประมาณ 3 ปี 63-65 รัฐบาลใช้งบประมาณ 3 ปี ไปกว่า 11 ล้านล้านบาท ถือเป็นการชุบชีวิตรัฐบวลชุดนี้ ตนเป็นห่วงว่าเงินก้อนนี้จะละลายหายไป เนื่องจากทุกโครงการมีกลิ่นการทุจริต อย่างมีการเรียกรับสถานกักกันโรคร้อยละ 40
นายแพทย์ชลน่าน มองว่ารัฐบาลล้มเหลว แต่กลับได้ยินคำชื่นชม ตนมองว่าหากละอายต่อบาปอย่าแอบอ้างมากนัก คณะรัฐมนตรีชอบแอบอ้างเป็นผลงานของตนเอง แต่ข้อเท็จจริงความสำเร็จมาจากประชาชน การบริการทางการแพทย์ คือสิ่งที่ควรยกย่อง หากมีสิ่งเหล่านี้ใครมาเป็นรัฐบาลก็สามารถทำได้และทำได้ดีกว่านี้
นายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควรหยุดได้แล้ว เพราะเป็นยาแรงทำให้โรคหายแต่คนกำลังจะตาย เพราะการปิดกิจการต้างๆเป็นการใช้งบประมาณที่สูง และสังเกตได้ว่าใช้เงินมากแต่ประโยชน์ที่ได้รับกลับน้อยลง รัฐบาลควรตระหนักว่ารัฐบาลกำลังทำร้ายประชาชน สิ่งที่จะเป็นเงื่อนไขจะอนุมัติหรือไม่ คือต้องเยียวยาประชาชน กลุ่มเปราะบาง ซึ่งบัญชีแนบท้าย กลุ่มเยียวยาประชาชน มีการเขียนไว้ชัดเจนว่าผู้ประกอบการ โดยไม่ระบุว่าเป็นกลุ่มใด มีแผนการอย่างไร ใครจะได้รับบ้าง ตนจึงอยากให้รัฐบาลช่วยตอบ
ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถ้านายกรัฐมนตรี ครม. ยินดีใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส ขอให้ดูการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการมาใช้ในการเยียวยา ส่วนกลุ่มอาชีพอิสระ ขอเสนอให้กระทรวงวัฒนธรรมควรตั้งกองทุนเพื่อรักษาความมั่นคง และเพื่อให้เกิดความมั่นคงสูงสุด คือตั้งคณะกรรมาการวิสามัญตรวจสอบโดยจะมีการยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับเสนอให้มีการตรวจสอบภาคประชาชนคู่ขนานกับสภาฯ และขอรัฐบาลอย่าใช้โควิด-19 เป็นแพะปกปิดการทำงานของรัฐบาล