'สุภรณ์' ยัน 'นายกฯ' ห่วงใย ปชช. ทุกกลุ่มที่เดือนร้อน
"สุภรณ์" ยัน "ประยุทธ์" มีความจริงใจ ห่วงใย ประชาชนในทุกกลุ่มที่เดือนร้อน ขอคนที่คัดค้านทำใจอย่างเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.63 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนที่มายื่นหนังสือ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางมีทั้งกลุ่มชมรมผู้สูงอายุ ชมรมคนพิการทางร่างกาย สมาคมคนตาบอด ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษอีกกลุ่มหนึ่ง จึงได้เห็นชอบในที่ประชุม ครม. ไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้จ่ายเงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง จำนวน 13 ล้านคน
โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ เด็กแรกเกิด ถึงอายุ 6 ขวบ ที่มีฐานะยากจน จำนวน 1.4 ล้านคน, ผู้สูงอายุ จำนวน 9.66 ล้านคน รวมถึง ผู้พิการ จำนวน 2 ล้านคนด้วย โดยมีการจ่ายเงินเยียวยาให้รายละ 1,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มจ่ายในเดือน มิ.ย.นี้
ขณะเดียวกัน รัฐบาลโดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยังมีมติในการช่วยเหลือผู้พิการเพิ่มเติม เช่น เงินกองทุนให้คนละ 1,000 บาท โอนเข้าบัญชีโดยตรงให้กับผู้พิการทั่วทั้งประเทศ 2 ล้านกว่าคน พักชำระหนี้ให้กับผู้พิการที่เป็นหนี้กองทุนผู้พิการ 1 ปี อนุมัติเงิน 10,000 บาท ให้กับผู้พิการที่ต้องการเงินไปประกอบอาชีพ โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่มีดอกเบี้ย และให้ผ่อนชำระหนี้ได้ถึง 5 ปี
นอกจากนั้น ครม. ยังให้ความเห็นชอบเพิ่มเบี้ยคนพิการจากเดือนละ 800 บาท เป็น 1,000 บาท สำหรับผู้พิการที่มีบัตรลงทะเบียน 1 ล้านคน ส่วนผู้พิการอายุต่ำกว่า 18 ปี กว่า 1 แสนคน จะได้เพิ่มเบี้ยผู้พิการตั้งแต่ 800 บาท เป็น 1,000 บาท เช่นกัน โดยส่วนนี้เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณถัดไป คือ 1 ต.ค. 63
นายสุภรณ์ ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลมีความจริงใจ และห่วงใย ประชาชนในทุกกลุ่ม จึงได้มีมาตรการต่างๆ ออกมาให้ความช่วยเหลือเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตโควิดนี้ และให้สามารถดำรงอยู่ได้ นี่คือความจริงใจ ความห่วงใยประชาชนทุกกลุ่ม ที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้ทุ่มเทเพื่อประชาชนคนไทยอย่างสุดความสามารถ ขอร้องกลุ่มคนที่คัดค้านหรือจงเกลียดจงชังรัฐบาล ขอให้ทำใจอย่างเป็นธรรมเป็นกลางอย่ามีอคติมากเกินไป กรุณาใช้สติคิดและไตร่ตรองดูความจริงว่านายกรัฐมนตรีไม่เคยเลือกปฎิบัติ ตั้งใจช่วยคนไทยทุกคนที่เดือดร้อนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เพราะคนที่เดือดร้อนในภาวะนี้ คือคนไทยด้วยกันเราจึงต้องช่วยกันเต็มที่สุดความสามารถ บรรดาฝ่ายค้านทั้งหลายได้ลดความอาฆาตเกลียดชังลงบ้าง เอาประเทศประชาชนเป็นตัวตั้ง เห็นประชาชนมีความสุข พวกเราผู้รับใช้ประชาชนก็มีความสุขใจด้วยเช่นกัน มิใช่หรือ