กองทุนรวมเพื่อการออม SSFX อย่าพลาด..โค้งสุดท้าย
ทำความรู้จักกองทุนรวมเพื่อการออม SSFX ที่รัฐได้เปิดตัวเพื่อเป็นการกระตุ้นการลงทุนและสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาดทุน ในช่วงโควิด-19 พร้อมเปิดประเด็นพิจารณาว่า เหมาะที่จะลงทุนหรือไม่ อย่างไร?
ในปี 2563 ทางภาครัฐได้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ในกลุ่มค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อสนับสนุนการลงทุน โดยจัดตั้งกองทุนรวมรูปแบบใหม่ และกำหนดสิทธิลดหย่อนภาษีจากการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวม โดยใช้ชื่อว่า Super Savings Fund (SSF) หรือกองทุนรวมเพื่อการออม
นอกจากกองทุนรวมเพื่อการออม (กองปกติ) แล้ว นับตั้งแต่เดือน เม.ย.2563 เรามีกองทุนรวมเพื่อการออมกองพิเศษ หรือที่เรียกว่า SSF กองพิเศษ (SSF Extra) ได้เปิดตัวขึ้น โดยที่มาของกองทุนรวมนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ทางรัฐจึงได้มีนโยบายประกาศเพิ่มกองทุน SSF พิเศษขึ้นมา เพื่อเป็นการกระตุ้นการลงทุนและสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาดทุน
โดย SSF กองพิเศษนี้จะมีระยะเวลาขายเฉพาะช่วงเวลา 1 เม.ย.-30 มิ.ย.2563 เท่านั้น และในขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดขยายให้เป็นกองทุนที่จะซื้อเพิ่มได้ในอนาคตทำให้ในปีนี้ผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาจะมีกองทุนรวมสำหรับลดหย่อนภาษี อาจแบ่งประเภทโดยทั่วไปได้ทั้งหมด 3 ประเภท นั่นก็คือ กองทุนรวม SSF กองปกติ, กองทุนรวม SSF กองพิเศษ (SSF Extra) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund : RMF)
TIPS : มีหลายๆ คนอาจจะกำลังพิจารณาอยู่ว่า ควรซื้อดีมั้ย กองทุนไหนเหมาะกับเรา?
ข้อพิจารณาในเบื้องต้นเพื่อให้ผู้อ่านนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจ หลายๆ ประเด็นดังนี้
- ก่อนพิจารณาซื้อกองทุน SSF ปกติ
ควรพิจารณาถึงกองทุนอื่นๆ ที่เรามีอยู่เดิมและได้สิทธิลดหย่อนทางภาษีอยู่แล้ว เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), ประกันบำนาญ ฯลฯ ว่ารวมกันแล้วมีอยู่เท่าไร แล้วจึงค่อยพิจารณาดูว่าเหลือวงเงินสำหรับซื้อกองทุน SSF กองปกติอีกเท่าไร
- ในคนที่สูงอายุหรืออยู่ในช่วงวัยใกล้เกษียณแล้ว
อาจพิจารณากองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เนื่องด้วยเงื่อนไขการถือครองต้องไม่น้อยกว่า 5 ปี และต้องถือจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ จึงสามารถขายกองทุนได้ ยิ่งคนสูงอายุวัยใกล้เกษียณจะยิ่งได้เปรียบด้วยระยะเวลาการถือครองและอายุ อีกทั้งนโยบายกองทุน RMF สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท หลากหลาย สามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้
- ความพิเศษของค่าลดหย่อนภาษีปี 2563
นั่นก็คือ SSF กองพิเศษ หรือ SSFX สามารถใช้สิทธิทางภาษีได้เพิ่มอีก 200,000 บาทเท่ากันทุกคน และแยกต่างหากจากค่าซื้อหน่วยลงทุนใน SSF กรณีปกติ และไม่อยู่ภายใต้เพดานวงเงินหักลดหย่อนรวมในกองทุนเพื่อการเกษียณทั้งหมด (PVD/RMF/ประกันบำนาญ/SSF ปกติ) 500,000 บาทอีกด้วย
- อย่างไรก็ดีก่อนจะตัดสินใจซื้อกองทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อน
อย่าลืมพิจารณาคำนวณเงินได้พึงประเมินและภาระภาษีในเบื้องต้นก่อน เพื่อรู้ถึงวงเงินตามสิทธิที่เราสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ รวมถึงอย่าลืมนำรายการหักลดหย่อนที่เราสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อีกเพิ่มเติม เช่น กลุ่มค่าลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน ประกันชีวิต ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา เงินบริจาค เป็นต้น
นี่ก็เป็นเพียงข้อพิจารณาในเบื้องต้น เพื่อให้ผู้อ่านนำไปใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อบริหารภาษีเงินได้ของตน ทั้งนี้ผู้อ่านควรศึกษาและทำความเข้าใจในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนและยื่นภาษีฯ ได้อย่างถูกต้องครบถ้วน