วัดขุมทรัพย์ ‘Musk’ vs ‘Bezos’ 2 มหาเศรษฐีหักเหลี่ยม

วัดขุมทรัพย์ ‘Musk’ vs ‘Bezos’ 2 มหาเศรษฐีหักเหลี่ยม

เมื่อเอ่ยชื่อ “อีลอน มัสก์” และ “เจฟฟ์ เบซอส” แทบทุกคนคงรู้จักดี ทั้งคู่ต่างเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน คนหนึ่งผลิตรถพลังไฟฟ้า อีกคนสร้างเว็บค้าปลีกยักษ์ใหญ่ และเมื่อไม่กี่ปีนี้ ทั้งสองยังลงทุนในธุรกิจสำรวจอวกาศเหมือนกัน แต่ใช่ว่าพวกเขาจะกินเส้นกันเท่าไรนัก

สัปดาห์ที่แล้ว เกิดศึกบาดหมางระหว่าง 2 มหาเศรษฐีแถวหน้าของโลก เมื่อ อีลอน มัสก์ นักธุรกิจซึ่งถือ 3 สัญชาติคือแอฟริกาใต้ แคนาดา และสหรัฐ ผู้ก่อตั้งบริษัทเทสลา ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า ถึงเวลาแตกหักกับอเมซอน ซึ่งเป็นเว็บไซต์ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของ เจฟฟ์ เบซอส มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลกชาวอเมริกัน

ชนวนเหตุของความบาดหมางนี้มาจากการที่เว็บไซต์อเมซอนปฏิเสธที่จะจำหน่ายหนังสือเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ของนักเขียนชื่อ อเล็กซ์ เบเรนสัน (Alex Berenson) ด้วยเหตุผลว่าขัดกับนโยบายของบริษัท

159160429874

เจ้าตัวได้โพสต์เรื่องนี้พร้อมแนบรูปอีเมลจาก Kindle Direct Publishing ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มขายหนังสือของอเมซอนผ่านทวิตเตอร์ @AlexBerenson จากนั้น อีลอน มัสก์ ผู้ขึ้นชื่อเรื่องการเปิดศึกกับคนอื่นผ่านทวิตเตอร์มาเห็นเข้าจึงไม่พอใจอย่างมาก และประณามอย่างดุเดือดใต้โพสต์นั้นว่า “นี่มันบ้าไปแล้ว”

และเพื่อให้โลกได้รับรู้โดยทั่วกัน มัสก์ยังแท็ก @JeffBezos ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ของ เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์อเมซอน ต่อท้ายประโยคดังกล่าวด้วย ก่อนจะตามมาด้วยการประกาศว่า “ถึงเวลาแตกหักกับ Amazon (อเมซอน) การผูกขาดเป็นเรื่องที่ผิด!” ในที่สุด

 

  • วิจารณ์คำสั่งล็อคดาวน์

เนื้อหาของหนังสือชนวนเหตุครั้งนี้ซึ่งมีชื่อว่า “Unreported Truths about Covid-19 and Lockdowns.” มีการตั้งคำถามว่าไวรัสต้นตอโรคโควิด-19 อันตรายร้ายแรงถึงขั้นต้องปิดเมืองหรือล็อคดาวน์ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขบอกกับประชาชนจริงหรือไม่

แต่ทางเบเรนสันชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ว่า ในหนังสือไม่ได้บอกว่าโควิด-19 ไม่ใช่เรื่องจริงหรือไม่ได้คร่าชีวิตคนแต่อย่างใด และมีการอ้างอิงข้อมูลจากรัฐบาลและงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ แต่กลับถูกอเมซอนเซ็นเซอร์ไม่ให้จำหน่าย

เหตุที่หนังสือเล่มนี้ได้รับความสนใจจากมัสก์ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขามักวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการปิดเมืองหรือปิดธุรกิจในช่วงไวรัสระบาด ซึ่งคล้ายกับเนื้อหาในหนังสือของเบเรนสันที่ตั้งคำถามว่า การปิดเมืองช่วยให้ยอดผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ลดลงจริงหรือไม่

ก่อนหน้านี้ เศรษฐีวัย 48 ปี เคยบอกว่า คำสั่งชัตดาวน์เป็น “ฟาสซิสต์” (เผด็จการ) และขู่ว่าจะย้ายสำนักงานใหญ่บริษัทเทสลาออกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย หากทางการไม่อนุญาตให้โรงงานรถไฟฟ้าของเขากลับมาผลิตอีกครั้ง

 

  • คู่แข่งธุรกิจอวกาศ

มัสก์และเบซอสต่างเป็นคู่แข่งกันในการสมรภูมิธุรกิจท่องอวกาศในราคาเอื้อมถึงได้ โดยฝ่ายแรกตั้งบริษัทสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) เมื่อปี 2545 และเพิ่งประสบความสำเร็จในการเป็นบริษัทเอกชนรายแรกของโลกที่ส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศเมื่อปลายเดือน พ.ค.

ขณะที่ฝ่ายหลังก่อตั้งบริษัทบลู ออริจิน (Blue Origin) เมื่อปี 2543 หรือ 2 ปีก่อนสเปซเอ็กซ์ถือกำเนิด

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งคู่เปิดศึกกัน ย้อนไปเมื่อเดือน เม.ย. 2562 เศรษฐีเจ้าของเทสลาเคยเรียกมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลกว่า “นักลอกเลียนแบบ” หลังอเมซอนประกาศแผนส่งดาวเทียมอินเทอร์เน็ตล็อตใหญ่กว่า 3,000 ดวงสู่อวกาศ

ส่วนเบซอสเองก็เคยวิจารณ์มัสก์เมื่อปีที่แล้วว่า ผู้ก่อตั้งเทสลาหวังจะสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร

“เพื่อนผมที่อยากย้ายไปดาวอังคารน่ะเหรอ? ผมอยากขอเขาสักเรื่อง ลองไปใช้ชีวิตบนยอดเขาเอเวอเรสต์สัก 1 ปีก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าชอบมันหรือเปล่า เพราะถ้าเทียบกับดาวอังคารแล้ว ยอดเขาเอเวอเรสต์คือสวนสวรรค์ดี ๆ นี่เอง” เบซอสเผยกับบิสสิเนส อินไซเดอร์

 

  • ใครรวยกว่ากันในปีนี้

ไม่ว่าโลกจะเกิดโรคระบาดใหญ่หรือจลาจลกลางเมือง แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นสัจธรรมในรอบหลายปีที่ผ่านมาคือ เหล่ามหาเศรษฐีสัญชาติสหรัฐยังคงรวยขึ้นอยู่ตลอด เบซอส ชาวอเมริกัน และมัสก์ ผู้ถือ 3 สัญชาติรวมถึงอเมริกันด้วย ก็เช่นกัน

ข้อมูลจากกลุ่มคลังสมอง “สถาบันนโยบายศึกษา” หรือ Institute for Policy Studies (IPS) ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า นับถึงวันที่ 4 มิ.ย. มูลค่าความมั่งคั่งของเศรษฐีพันล้านชาวอเมริกันรวมกันทะลุ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ และนับตั้งแต่สหรัฐเริ่มปิดเมืองรับมือโควิด-19 ระบาดเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ชนชั้นเศรษฐีพันล้านชาวอเมริกันต่างรวยขึ้น 19% หรือ 5.65 แสนล้านดอลลาร์

และหากนับเฉพาะช่วงสัปดาห์หลังสุดของการสำรวจ (28 พ.ค.-4 มิ.ย.) ความมั่งคั่งของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น 7.9 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว

159160294217

สำหรับบรรดาเศรษฐีธุรกิจเทคโนโลยีอย่างเบซอส ซึ่งยังคงรวยที่สุดในโลก ข้อมูลของ IPS ระบุว่า หากนับเป็นจำนวนเงิน ไม่มีใครรวยขึ้นมากกว่าเขาอีกแล้วนับตั้งแต่เข้าปี 2563

ผู้ก่อตั้งอเมซอนเริ่มต้นปีนี้ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.15 แสนล้านดอลลาร์ แต่หลังจากโควิด-19 ระบาดไม่นาน ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งหนัก จนความมั่งคั่งของเบซอสหายวับไปประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์

หลังจากนั้น หุ้นของอเมซอนฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็วในเดือน เม.ย. ทุบสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลจากผู้บริโภคให้ความสนใจซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์นี้มากขึ้นช่วงโรคระบาด นั่นทำให้เบซอสมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 29.6% นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา

ส่วนมัสก์ ผู้ก่อตั้งเทสลาและสเปซเอ็กซ์ แม้มูลค่าทรัพย์สินรวมอาจเทียบกับเบซอสไม่ติด แต่ที่น่าสนใจคือเขารวยขึ้นมากกว่าใครเพื่อนในบรรดาเศรษฐีพันล้านในสหรัฐเมื่อเทียบเป็น % อยู่ที่ 55% จากความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น 1.53 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปีใหม่

ศึกระหว่าง 2 เศรษฐียังเป็นเพียงการโหมโรงเท่านั้น เพราะทางเบซอสยังไม่ออกมาตอบโต้หรือชี้แจงประเด็นเซ็นเซอร์หนังสือ แต่หลังจากนี้น่าจะมีดราม่าระหว่างมัสก์กับเบซอสอีกอย่างแน่นอน เนื่องจากทั้งคู่ยังต้องฟาดฟันในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศไปอีกหลายปีเพื่อชิงความเป็นเบอร์ 1 ในสมรภูมิเกี่ยวกับอนาคตแห่งมวลมนุษยชาติ!

----------------------------------

ที่มา: TheNextWeb, Yahoo, Bloomberg, Reuters, BBC