'Travel Bubble' ชงจับคู่ 'ท่องเที่ยว' เข้า ศบค. 26 มิ.ย.นี้

ความคืบหน้าภายหลังจาก มีมติเห็นชอบหลักการให้เปิดประเทศท่องเที่ยวอย่างจำกัด หรือ Travel Bubble โดย ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เบื้องต้นนั้น แหล่งข่าวระดับสูงจากศบค. เปิดเผยถึง ความคืบหน้าของแนวคิด และมาตรการดำเนินการท่องเที่ยวในรูปแบบดังกล่าวว่า หลังจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องกลับไปพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขที่มีความเป็นห่วงว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา จะนำเชื้อโควิด-19 มาแพร่ระบาดในประเทศไทย

เพราะแนวทาง Travel Bubbel เบื้องต้นจะไม่มีมาตรการกักตัว 14 วัน ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ว่าจะทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ การควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศที่ผ่านมา สามารถดำเนินการได้อย่างดี เนื่องจากมีศูนย์กักกันของรัฐ จึงทำให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัย และสถิติที่ผ่านมาผู้ที่ออกจากศูนย์กักกันของรัฐ ไม่พบว่ามีการติดเชื้อ จึงทำให้มั่นใจว่ามาตรการนี้ สามารถควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• ‘Travel Bubble’ คืออะไร ประเทศไหนทำแล้วบ้าง?
• 'Travel Bubble' คืออะไร? ไทย เตรียมปลดล็อคให้ไปที่ไหนบ้าง!?

ดังนั้นจึงได้มอบหมายผู้เกี่ยวข้องให้หามาตรการผ่อนคลายเรื่อง Travel Bubbel เพิ่มเติม อาทิ สภาพอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ก็ต้องลองพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม โดยอาจจะใช้รูปแบบ Hotel Quarantine หรือ Villa Quarantine ซึ่งจะให้กรุ๊ปทัวร์พักอยู่รวมกัน โดยไม่ได้จำกัดว่าจะอยู่เฉพาะในห้องพักเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การเปิดประเทศให้ท่องเที่ยวอย่างจำกัดอาจไม่ใช่เร็วๆ นี้ เพราะต้องดูความเป็นไปได้ในหลายส่วน รวมถึงการตอบรับของชุมชนในพื้นที่ ว่าประชาชนรับได้หรือไม่

ด้าน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการจับคู่เดินทางระหว่างประเทศในกรอบ Travel Bubbel ว่า ได้มอบหมายให้ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เข้ามาดูแลวางหลักเกณฑ์ พร้อมให้ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เข้ามาหารือเจรจากับประเทศต่างๆ ที่สนใจร่วมกันจับคู่ เพราะต้องเป็นการออกมาตรการที่ยินยอมพร้อมใจทุกฝ่าย การจัดทำหลักเกณฑ์ที่ใช้ก็ต้องทำร่วมกัน

เบื้องต้นมีเอกอัครราชทูต ญี่ปุ่น สวิสเซอร์แลนด์เข้าหารือ โดยกรอบที่จะหารือ Travel Bubbel ร่วมกันทั้งในเรื่องวิธีการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ การคัดกรองนักเดินทาง โดยอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยในการควบคุมโรค และเศรษฐกิจ โดยจะมีการนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.)ชุดใหญ่พิจารณาในวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย.นี้

การดำเนินการจะเป็นลักษณะของความร่วมมือ Travel Bubbel หรือ ลงนามเอ็มโอยูร่วมกันของ 2 ประเทศ หากประเทศที่จับคู่ท่องเที่ยวเกิดการระบาดขึ้นมาอีก และควบคุมไม่ได้ ก็สามารถยกเลิกได้ ทุกอย่างจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นไป

"ไม่อยากให้กังวล เราต้องกล้าที่จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ให้มีการเดินทางไปมาหาสู่ ประกอบธุรกิจกัน อาจจะเริ่มจากผู้ประกอบธุรกิจ เทคนิเชียล บรรดาครู คนทำงานที่มีใบอนุญาตทำงาน เป็นต้น ยังไม่ถึงขั้นอนุญาตนักท่องเที่ยวเข้ามา เพราะเชื่อว่าต่อให้เปิดประเทศตอนนี้ทั้งเราและเขาคงยังไม่มีใครจะมาท่องเที่ยว แต่มั่นใจว่าถ้าเราการ์ดไม่ตกประเทศไทยจะเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวและการทำธุรกิจ” นายอนุทิน กล่าว