บางจากฯ เข็น อี20 สูตรใหม่ปั๊มยอดขายครึ่งปีหลัง
บางจากฯ งัดสูตรใหม่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 20 s EVO หวังชิงยอดขายหลังคลายล็อกดาวน์ รับแพคเกจ“เที่ยวปันสุข” เดือน ก.ค.นี้ จ่อลดหัวจ่ายน้ำมัน กลุ่มเบนซินเหลือ E20 และแก๊สโซฮอล์ 95 กลุ่มดีเซล เหลือ 3 ชนิด
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า บางจากฯ คาดหวังว่า ยอดขายน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่ภาครัฐผ่อนคลายมาตการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการที่ภาครัฐเตรียมกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านมาตรการ “เที่ยวปันสุข” ในช่วงเดือน ก.ค.นี้ ทำให้คาดการณ์ว่าประชาชนจะกลับมาใช้รถยนต์ส่วนตัวเพื่อเดินทางมากขึ้น
ดังนั้น บางจากฯ จึงใช้จังหวะนี้ เปิดตัวผลิตภัณฑ์บางจากแก๊สโซฮอล์ E20 S EVO ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่ทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้สะอาดขึ้น 100% เป็นรายเดียวของประเทศ และมีอัตราเร่งเครื่องสูงขึ้นอยู่ที่ 56% รับรู้ได้ตั้งแต่เติมถังแรก ในราคาที่คุ้มค่า หรือ ไม่ได้ปรับราคาสูงขึ้นแต่อย่างใด โดยการปรับสูตรน้ำมันใหม่ ถือเป็นการสร้างความสุขตอบแทนให้กับผู้บริโภคหลังโควิด-19 คลี่คลายลง และต้อนรับการกลับมาเดินทางบนท้องถนนอีกครั้ง ซึ่งได้เริ่มจำหน่ายผ่านสถานีบริการ(ปั๊ม)น้ำมัน บางจากฯ ครบ 1,200 แห่ง ทั่วประเทศแล้ว และปั๊มบางจากฯ จะมีการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ E20 S EVO เพียงเกรดเดียว
“ปัจจุบันประเทศไทยมีรถที่ใช้ E20 ได้ประมาณ 30-35%ของจำนวนรถ แต่ใช้จริงอยู่เพียง 15-20% เท่านั้น และพิสูจน์แล้วว่า E20 เป็นน้ำมันที่คุ้มค่าสุดเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นในกลุ่มเบนซิน ก็หวังว่าสูตรใหม่จะช่วยดึงดูดผู้บริโภคมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม การปรับสูตรแก๊สโซฮอล์ E20 S EVO ยังเป็นการสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่เตรียมประกาศให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐานกลุ่มเบนซิน ในอนาคต
โดยปัจจุบัน บริษัท มียอดขาย แก๊สโซฮอล์ E20 คิดเป็นสัดส่วน 25% ของยอดขายน้ำมันกลุ่มเบนซิน และมีสัดส่วนสูงกว่าตลาดรวม ที่มียอดขายอยู่ที่ 22-23% ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ยอดขาย แก๊สโซฮอล์ E20 และแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่น
ดังนั้น ในอนาคตสถานีบริการ(ปั๊ม)น้ำมัน บางจากฯ จะเหลือหัวจ่ายน้ำมันหลัก กลุ่มเบนซิน คือ แก๊สโซฮอล์ E20 S EVO และแก๊สโซฮอล์ 95 ส่วนกลุ่มดีเซล จะเหลือดีเซล บี10,ดีเซล บี7 และดีเซลพรีเมี่ยม ซึ่งจะเป็นการลดภาระการลงทุนหัวจ่ายน้ำมัน เพราะปัจจุบัน ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ปั๊มน้ำมันมีหัวจ่ายน้ำมันมากถึง 10 ผลิตภัณฑ์
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า สถานการณ์ยอดขายน้ำมัน ปั๊ม บางจากฯ ล่าสุด เดือน มิ.ย.63 ลดลงประมาณ 5-6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือน พ.ค.63 ลดลง 7-8% และเดือน เม.ย.63 ลดลงต่ำสุด อยู่ที่ 20% ขณะที่เดือน มี.ค.63 ลดลง 10% ก็เป็นสัญญาณการฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานบริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ คาดว่า จะใช้เวลาฟื้นตัวอีก 1ปี ถึง 1 ปีครึ่ง นับจากสิ้นปี 2563 เป็นต้นไปหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลง และเริ่มมีวัคซีนในการรักษาเข้ามาสร้างความสบายใจให้กับผู้บริโภคมากขึ้น
ขณะที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีนี้ ส่งผลกระทบต่อยอดขายรถในประเทศและการส่งออกรถยนต์ของไทยอย่างหนัก โดยในช่วงไตรมาสแรก ปี63 ยอดขายรถยนต์หายไป ประมาณ 21% ขณะที่ไตรมาส 2 คาดว่าจะได้รับผลกระทบหนักสุด ยอดขายจะลดลงประมาณ 60% และกลับมาเสนอตัวในช่วงเดือน ก.ย.นี้ ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวปลายปี จากการจัดงานมหกรรมยานยนต์ ปี 2563
ส่วนผลกระทบโดยรวมต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งปีนี้ ยอมรับว่า ยังประเมินได้ยาก เพราะไม่มีใครรู้ว่า โควิด-19 จะกลับมาระบาดรอบสองหรือไม่ เบื้องต้นคาดว่า ยอดขายในประเทศปีนี้ จะเหลือ 5 แสนคัน จากปี62 มียอดขาย 1 ล้านคัน และการส่งออก ปีนี้ คาดว่าจะหายไป 40-50% จากปี62 มียอดส่งออก 1 ล้านคัน