กองปราบฯจัดทีมหนุมาน คุมเข้มเบิกตัว “บรรยิน” ขึ้นศาลคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาวันนี้ เตรียมสอบปากในเรือนจำสางคดีแหกคุก ด้าน “อธิบดีกรมคุก” เตรียมมาตรการล้อมคอก สืบพยานผ่านคอนเฟอเรนซ์ สกัดหลบหนี ขณะที่ “ลูกสาว” ไม่เชื่อพ่อกล้าทำ
หลังจากชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปรามคลี่คลายคดีวางแผนแหกคุกของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ ผู้ต้องขังในเรืองจำพิเศษกรุงเทพ คดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ แช่ตั้งนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ล่าสุดมีรายงานว่า ในวันนี้ (22 มิ.ย.)ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเรียกประชุมคณะทำงานในเวลา 10.00 น. เพื่อพิจารณาการกระทำของ พ.ต.ท.บรรยินที่ เข้าข่ายความผิดอาญา 2 ข้อหาคือ
1.ข้อหากระทำให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาลหลุดพ้นจากการคุมขังโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.เป็นผู้ใช้ จ้างวานสำหรับพฤติกรรม พ.ต.ท.บรรยิน เป็นลักษณะผู้ใช้จ้างวาน ต้องรับโทษ 1 ใน 3 ของความผิดที่เกิดขึ้น แม้เหตุดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น แต่ตำรวจมีหลักฐานว่า นายโจพยายามขอความช่วยเหลือจากอดีต ส.ส.จังหวัดนครสวรรค์ ให้พาพ.ต.ท.บรรยินหลบหนีออกจากเรือนจำจริง แต่นักการเมืองรายนี้ไม่ร่วมด้วย มีหลักฐานการติดต่อทางโทรศัพท์
รวมทั้งทนายความที่นายโจอ้างว่า พ.ต.ท. บรรยินสั่งให้มาประกันตัวออกจากคุก ทั้ง 2 คนนี้ ตำรวจกองปราบฯจะออกหมายเรียกมาสอบปากคำว่า มีส่วนรู้เห็นกับแผนการชิงตัวนักโทษด้วยหรือไม่
หลังจากนี้ทางตำรวจจะออกหมายเรียก พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริอดีต ส.ส.เขต 4 นครสวรรค์ คนสนิทพ.ต.ท.บรรยินมาให้ปากคำในฐานพยาน เนื่องจากนายโจได้อ้างว่า พ.ต.ท.บรรยินได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ เพื่อให้ไปปรึกษาวางแผนการชิงตัว แต่ทางอดีตส.ส.ไม่เอาด้วย ซึ่งคาดว่าจะต้องถูกออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมภายในอาทิตย์หน้า
จ่อสอบ“บรรยิน” ในเรือนจำ
ทั้งนี้มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้เตรียมเข้าสอบปากคำ พ.ต.ท.บรรยิน ในเรือนจำเกี่ยวกับคดีชิงตัวดังกล่าวแม้ว่าในวันสอบปากคำพ.ต.ท.บรรยิน จะให้การปฏิเสธ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เป็นกังวลหรือหนักใจ เพราะค่อนข้างมั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ข้อมูลการติดต่อสื่อสาร และคำให้การของนายโจและนายท็อป 2 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ที่มีการระบุแผนการชัดเจน อีกทั้งนายโจยังยอมรับด้วยว่าแผนปฏิบัติการชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน จะเกิดขึ้นระหว่างที่นั่งรถบนทางด่วนเพื่อมุ่งหน้าไปศาลพระโขนง หากชิงตัวไม่สำเร็จก็ให้ไปลักพาตัวภรรยา ผบ.เรือนจำแทน
จัดทีมหนุมานคุมเข้มขึ้นศาลวันนี้
ส่วนที่ทางศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะมีการนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อท.69/2563 คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา หากทางศาลมีการเบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน ออกมาจากทางเรือนจำทางกองปราบเองก็จะทำการจัดส่งทีมชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.สสน.บก.ป. หรือหนุมานกองปราบฯ คุมเข้มเฝ้าระวังผู้ต้องหาอย่างใกล้ชิดเพื่อความไม่ประมาท
ด้านสำนักงานศาลยุติธรรม นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ระบุถึงการเตรียมความพร้อมเบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน วันนัดตรวจพยานหลักฐานที่ 22 มิ.ย. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ว่า ขณะนี้ยังมีคดีสำคัญที่ พ.ต.ท.บรรยินตกเป็นจำเลยอยู่ 2 คดีคือคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯและคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของศาลอาญาพระโขนง
การดำเนินการเรื่องแผนรักษาความปลอดภัยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกเจ้าพนักงานตำรวจศาล และส่วนที่ 2 การประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ขอส่งกำลังเจ้าหน้าที่มาดูแลความปลอดภัยป้องกันเหตุร้ายหรือชิงตัวจำเลย เราดำเนินการไปทั้งหมด ทั้งเรื่องวางกำลังและเฝ้าระวังอยู่ในแผนรักษาความปลอดภัยเป็นความลับ ซึ่งทางเราได้ประเมินสถานการณ์อยู่ตลอด
อธิบดีกรมคุกเปิดแผนแหกคุก
ขณะที่ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง กระแสข่าวเกี่ยวกับการวางแผนหลบหนีของ นายบรรยิน ว่า กรณีดังกล่าวเป็นข้อมูลและเบาะแสที่ได้มาจากการทำงานร่วมกันระหว่างกรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ประสานงานและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมาระยะหนึ่งแล้ว ในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยไม่ขอพูดถึงเนื่องจากอาจจะเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตรงข้ามและผู้ที่อาจจะพยายามก่อเหตุ
กรมราชทัณฑ์ขอยืนยันว่าได้ควบคุม และเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังรายดังกล่าวด้วยความรอบคอบรัดกุมตามมาตรฐานสากล โดยประสานงานกับศาลยุติธรรมเพื่อลดความถี่ในการนำตัวผู้ต้องขังรายนี้ออกเดินทางจากเรือนจำไปศาลเพื่อสืบพยานโดยอาจมีทางเลือกอื่น เช่นสืบพยานผ่านจอภาพหรือวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ และยังได้มีการวางแผนร่วมกับตำรวจหน่วยต่างๆ เพื่อเสริมกำลังและรักษาความปลอดภัยในขณะเคลื่อนย้ายตัว
ส่วนในเรื่องของการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมฐานพยายามก่อเหตุหลบหนีหรือใช้จ้างวานผู้อื่นให้กระทำการดังกล่าวนั้น ขอให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเจ้าของสำนวนดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและพิจารณาแจ้งข้อหาต่อไป
ทั้งนี้กรมราชทัณฑ์ขอยืนยันว่ามีมาตรการควบคุมที่เข้มแข็ง รัดกุม และเหมาะสม ในการควบคุมและป้องกันมิให้ผู้ต้องขังก่อเหตุร้ายขึ้นขอให้พี่น้องประชาชนและสังคมคลายความกังวลใจและให้ความไว้วางใจเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งเพื่อธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายอย่างสุดความสามารถ
“ลูกสาว”ไม่เชื่อพ่อแหกคุก
ขณะที่น.ส.บุษญา ตั้งภากรณ์ บุตรสาวพ.ต.ท.บรรยิน ระบุว่า พ่อตัวเองไม่น่าจะคิดก่อเหตุได้ขนาดนั้น ที่ผ่านมาทุกครั้งไปเยี่ยมพ่อในเรือนจำ ไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเลย และขณะนี้ก็ถูกศาลเพ่งเล็งจับตามองอย่างใกล้ชิด ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงและกังวลใจมาก โดยเฉพาะเรื่องที่ข่าวว่าพ่อจะคิดสั้น เพราะทั้งคุณพ่อและครอบครัวได้ถูกสังคมตัดสินไปแล้ว