'สนธิรัตน์' ดัน 'เศรษฐกิจฐานราก-โรงไฟฟ้าชุมชน' เต็มสูบ
“สนธิรัตน์” ลงพื้นที่ลำปาง มอบนโยบาย กฟผ. พร้อมเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนไผ่เพชรล้านนา ดันศักยภาพเศรษฐกิจฐานราก-โรงไฟฟ้าชุมชนเต็มสูบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ก.ค.2563) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคณะ เยี่ยมชมสถานีไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยมีนายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ และผู้บริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยให้การต้อนรับ โดยได้มอบนโยบายให้ กฟผ. เป็นต้นแบบในการที่จะช่วยขับเคลื่อนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งจะช่วยหมุนเศรษฐกิจฐานรากให้แก่ชุมชน ให้ชาวบ้านมีรายได้จากการขายไฟฟ้า ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มมากขึ้นและเข้าถึงแหล่งพลังงาน
นอกจากนั้นยังได้เร่งรัดแผนงานที่เกี่ยวข้องกับการทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานไฟฟ้าในภูมิภาค เนื่องจากระบบส่งของ กฟผ. มีความครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีความทันสมัย สามารถสร้างความมั่นคงด้านระบบส่งไฟฟ้าในประเทศ ซึ่ง กฟผ. สามารถนำศักยภาพนี้ขยายไปสู่ภูมิภาคอาเซียนได้ รวมทั้งยังสามารถใช้โอกาสนี้ในการที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นตัวกลางในการซื้อขายพลังงานไฟฟ้า (Trader)
และในช่วงบ่าย นายสนธิรัตน์ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนไผ่เพชรล้านนา ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้การขยายพันธุ์ไผ่ครบวงจรในภาคเหนือ และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง สอดคล้องกับนโยบายพลังงาน Energy for All ที่มีนโยบายสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก โดยการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนและเปิดโอกาสให้ชุมชน วิสาหกิจชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าร่วมกัน
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนไผ่เพชรล้านนา ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้การขยายพันธุ์ไผ่ครบวงจรในภาคเหนือ ที่ผ่านมาก็ได้ลงพื้นที่ดูงานชุมชนหลายแห่งที่ใช้พลังงานไปหมุนเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นแม่แจ่มโมเดล กาญจนบุรีโมเดล ผาปังโมเดล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “แม่แจ่มโมเดล” ที่เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านวัตถุดิบที่จะสามารถใช้ผลิตพลังงานหมุนเวียน สามารถสร้างโมเดลโรงไฟฟ้าชุมชน ทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการขายไฟฟ้า รายได้จากการขายซังข้าวโพด ทำให้แก้ไขปัญหาหนี้สินให้ชาวบ้าน มีรายได้เพิ่มมากขึ้นและเข้าถึงแหล่งพลังงาน
“ผมจึงต้องการพลิกมิติด้านพลังงานให้ตอบโจทย์กลุ่มพี่น้องเกษตรกร และประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ให้สามารถเป็นเจ้าของพลังงานได้โดยผลักดันนโยบายด้านพลังงานไฟฟ้าให้มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้จากการจำหน่ายวัสดุทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ยกระดับชุมชนสู่การเป็นผู้ผลิต ผู้ใช้ และผู้จำหน่ายไฟฟ้า ส่งเสริมการพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชนโดยใช้เชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียนตามศักยภาพรายพื้นที่ ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สร้างความเข้มแข็งในชุมชน ลดการย้ายถิ่นฐานของแรงงาน เปิดโอกาสให้ภาครัฐ เอกชน ร่วมกับชุมชน จัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชน โดยยึดหลักให้ชุมชนได้ผลประโยชน์สูงสุด” รมว.พลังงาน กล่าว
ที่มา : ศชากานท์ แก้วแพร่