กมธ.ฝ่ายค้าน เล็งรื้องบ 64 เบรกก่อสร้าง-ซื้ออาวุธ
ฝ่ายค้านเล็งรื้องบ 64 ชะลอโครงการก่อสร้างอาคาร ทำถนน ซื้ออาวุธ เน้นความเดือดร้อนชาวบ้านก่อน บี้ถ่ายทอดสดประชุม กมธ.งบ 8 ก.ค.ให้ประชาชนได้ประโยชน์ “วัชระ” ร้องนายกฯ-ป.ป.ช.สอบเงินใต้โต๊ะ 500 ล้านสร้างรัฐสภาแห่งใหม่
“เรืองไกร” นัด 9 ก.ค.ยื่นกกต.สอบ พปชร.ใช้มูลนิธิป่ารอยต่อเชิญ “ประวิตร” นั่งหัวหน้าพรรค
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เปิดเผยถึงการเตรียมการพิจารณาเม็ดเงิน และโครงการต่างๆ ตามร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวว่า ครั้งนี้จะต้องต่อรองกับรัฐบาลว่า งบประมาณหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และไม่เป็นประโยชน์จะต้องตัดออก
นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลสั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไปจัดทำโครงการต่างๆ ขึ้นมาใหม่เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านจริงๆ เช่น รื้อโครงการที่เกี่ยวกับหาแหล่งน้ำ ทำถนน หรือสร้างอาคาร ออกก่อน เพราะผู้แทนราษฎรได้อภิปรายในสภาแล้วว่า ยุคนี้เป็นยุคของการสร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศ เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนก่อน เพราะจะเหลือเวลาประมาณ 2 เดือน ก่อนที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 ให้สามารถนำโครงการเหล่านี้มาปรับแก้
“รวมไปถึงงบประมาณที่ใช้จัดซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ จะขอตัดทั้งหมด เพื่อขอนำเงินมาใช้แก้ไขปัญหาที่เป็นประเทศจริงๆ ก่อน และอยากให้ส่วนราชการชี้แจงด้วยว่า งานที่ตั้งไว้เกี่ยวข้องหรือแก้ปัญหายุคหลังโควิด-19 อย่างไรบ้างด้วย” นายวรวัจน์ กล่าว
“ทวี”จี้ถ่ายทอดสดประชุมกมธ.
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) ในฐานะ กมธ.งบ 64 กล่าวว่า กมธ.จะเริ่มมีการประชุมในวันที่ 8 ก.ค. ในหลักการต้องเลือกประธานกมธ. และตำแหน่งต่างๆที่ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงมากกว่าจะได้เป็นประธาน จากนั้นคงเสวนาถึงกรอบในการทำงาน ในระยะเวลาประมาณ 3 เดือนกว่าภายใน 105 วัน ในกระบวนการร่าง พ.ร.บ.จะต้องสร้างความยุติธรรมให้กับประชาชนทุกคนที่เป็นเจ้าของภาษีอากรหรือเงินงบประมาณ
ทั้งนี้ร่าง พ.ร.บ.งบที่รัฐบาลจัดทำขึ้นมามีจุดอ่อนหลายประการ อาจเรียกได้ว่าจัดงบประมาณที่สร้างความอ่อนแอให้ประชาชน หรืออาจเรียกว่าประชาชนล้มละลายด้านงบประมาณ เพราะเงินถูกใช้เป็นงบรายจ่ายประจำกว่า 2.5 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 76.5 ของงบประมาณทั้งหมด หากพิจารณาฝั่งรายได้ปีนี้แม้จะคาดการณ์ว่าเก็บภาษีได้ 2.67 ล้านล้านบาทเศษ ซึ่งมีผู้เกี่ยวกับออกมาสัมภาษณ์แล้วว่าไม่น่าจะเก็บถึง 2.5 ล้านล้านบาทเศษด้วยซ้ำ
ร้องนายกฯสอบใต้โต๊ะ500ล.สภาใหม่
นายวัชระ เพชรทอง อดีตส .ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ในการสืบพยานปากที่ 13 (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ของจำเลยในคดีที่นายชัชวาลย์ อภิบาลศรี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ฟ้องคดีหมิ่นประมาทเรื่องการทุจริตงบไอซีทีในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จำนวน 8,648 ล้านบาท
โดยพยานคนดังกล่าวได้ให้การต่อหน้าศาลอาญา ห้อง904 ว่า คณะข้าราชการระดับสูงของสภาฯได้เข้าไปรับนโยบายจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย เนื่องในโอกาสรับตำแหน่งประธานสนช. โดยนายพรเพชรกล่าวถึงโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ว่า “อะไรก็ไม่พร้อมแต่ให้เดินหน้าต่อไป มีเงินหล่นใต้โต๊ะ 500 ล้าน” ซึ่งคำพูดดังกล่าวออกจากปากของผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานสนช. จึงน่าเชื่อถือว่าต้องเป็นเรื่องจริง
อีกทั้งคำให้การต่อศาลของพยานก็ผ่านการสาบานต่อศาลแล้ว จึงต้องเป็นเรื่องจริงเช่นกัน ดังนั้นตนจึงเห็นว่า จะปล่อยผ่านให้เงินของแผ่นดินจำนวนมหาศาลที่มาจากภาษีของประชาชนตกหล่นใต้โต๊ะเพื่อประโยชน์ของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มไม่ได้ จึงเตรียมจะยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และสำนักป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สอบสวนดำเนินการหาผู้ทุจริตเงินจำนวนดังกล่าวต่อไป
ยื่นยุบพปชร.ปมสถานที่ป่ารอยต่อ
วานนี้ (6 ก.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่ปรากฏภาพกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลายคน ไปเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยใช้สถานที่ คือ มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดนั้น กรณีดังกล่าวนายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่ง ยอมรับและให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ว่ามีการไปใช้สถานที่ของมูลนิธิดังกล่าวจริง
โดยสอดคล้องกับภาพที่ปรากฏตามสื่อ ซึ่งเป็นภาพของ พล.อ.ประวิตร ที่จับมือกับกรรมการบริหารพรรคหลายคนที่มูลนิธิดังกล่าวอย่างชัดเจน เมื่อนายไพบูลย์ท้าให้ฟ้อง ก็ต้องมีการตรวจสอบตามมา และเมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว กรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.พรรคการเมือง ซึ่งเป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องดำเนินการต่อไปโดยเร็ว เพราะหากมีการฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง ก็อาจมีโทษถึงยุบพรรคและตัดสิทธิการเมืองด้วย
“ผมได้ใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายไปพอสมควร จนพบเห็นช่องทางที่จะร้องต่อ กกต. เพื่อให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าจะมีเหตุต้องยุบพรรคพลังประชารัฐ และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการพรรคหรือไม่ ดังนั้นในวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.00 น. จะไปยื่นหนังสือด้วยตนเอง ที่ศูนย์ราชการ ถ. แจ้งวัฒนะ” นายเรืองไกร กล่าว
ด้านแหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ขอเตือนนายเรืองไกร ระวังจะถูกแจ้งความกลับ ข้อหาให้การเท็จ เพราะทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งในส่วนของพรรค พปชร.และมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เนื่องจากมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ได้แยกส่วนไปเช่าพื้นที่กรมธนารักษ์ได้ระยะหนึ่งแล้ว ส่วนสถานที่ปรากฏในภาพคือ บ้านพักประจำตำแหน่งของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นคนละพื้นที่กัน
อีกทั้งจากการตรวจสอบ การดำเนินการดังกล่าวไม่ผิด พรป.พรรคการเมือง เพราะคณะ ส.ส.พปชร. เดินทางมาขอพบ พล.อ.ประวิตร แบบปกติ ไม่ได้นัดแนะ หรือประชุมทางการเมือง อย่างที่ตั้งข้อสังเกต