'จตุพร' แนะ 'บิ๊กแดง' เลื่อนนัด 'ผบ.ทบ.สหรัฐฯ' หวั่นนำเข้า 'โควิด'
"จตุพร" แนะ "พล.อ.อภิรัชต์" เลื่อนนัด "ผบ.ทบ.สหรัฐฯ" หวั่นนำเข้า "โควิด" หวั่นกระเพื่อมอารมณ์คนในชาติ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊คไลฟ์ PEACETALK กรณี ผบ.ทบ.สหรัฐพร้อมคณะ จะมาเยือนกองทัพบกไทย เป็นแขกรับเชิญของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และกองทัพบกในวันที่ 9-10 ก.ค.นี้ ว่า ผบ.ทบ.สหรัฐ มาจากประเทศติดเชื้อโควิดกว่า 3 ล้านคนมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก อีกทั้งในวันชาติสหรัฐเมื่อ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา คนสหรัฐยังมีผู้ติดเชื้อโรคมากขึ้น ดังนั้น คนไทยบางส่วนเรียกร้องให้กักตัว ผบ.ทบ.สหรัฐ พร้อมคณะ 14 วัน ซึ่งเป็นเสียงวิจารณ์อย่างหนักในสังคมไทยขณะนี้
ตนเห็นว่า ควรเลื่อนการเดินทางมาพบกันออกไปสักระยะหนึ่งก่อน เพราะช่วงเกิดภัยโควิดนั้น คงไม่เหมาะจะมาเจรจาในเรื่องศึกสงคราม หรือความร่วมมือระหว่างกองทัพบกทั้งสองประเทศ รวมทั้งขณะนี้ต้องยอมรับว่า คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ ต้องถูกกักตัวและพบติดเชื้อโควิด ส่วนคนไทยในประเทศไม่พบการติดเชื้อสักรายมาเป็นเดือนแล้ว ดังนั้น อาการหวั่นวิตกคนไทยจึงแสดงออกค่อนข้างตึงเครียด
นอกจากนี้ ในสหรัฐไม่มีใครกล้ายืนยันว่า เป็น ผบ.ทบ.แล้วจะไม่ติดเชื้อโควิด เนื่องจากลูกเขยของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังติดเชื้อโควิด ดังนั้นเพื่อความสบายใจกันทุกฝ่าย หากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในช่วงศึกสงครามต้องมาเจรจากัน ควรเจรจากันโดยไม่พบตัวกันย่อมเป็นสัมพันธภาพที่ดี
"เมื่อสถานการณ์สร้างความยุ่งยากลำบากใจ และไม่มีกล้าการันตีว่า คณะที่มานั้นไม่มีใครติดเชื้อ แต่เชื้อไม่ปรากฎอาการในสหรัฐก็มีมาก ผมว่า ผบ.ทบ.ไทยลองปรึกษาหารือกันเพื่อลดแรงเสียดทานโดยไม่จำเป็น อีกทั้งคนไทยอีกมากในกลุ่มประเทศอียู ต้องการกลับมาไทยเช่นกัน เมื่อกลับมาต้องถูกกักบริเวณ 14 วัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิบัติยึดถือกันมา"
นายจตุพร ย้ำว่า ถ้ามีข้อยกเว้น และไม่มีความจำเป็นชนิดที่ขัดเสียไม่ได้แล้ว ควรเลื่อนกันไปก่อน และรอสถานการณ์ปกติค่อยมาเยือนก็ได้ ไม่น่ามีปัญหาใดๆ จึงหวังว่า ในช่วงเวลาอีก 2 วันนี้ ผบ.ทบ.ไทยจะเลือกหนทางที่ดีที่สุด ซึ่งจะตัดสินใจอย่างไรก็แล้วแต่ ส่วนตนเสนอแนะนั้น เพียงไม่ควรให้สร้างแรงกระเพื่อมใดๆจากการคัดค้านมากมาย เพราะ ผบ.ทบ.สหรัฐมาจากประเทศที่คนติดเชื้อมากที่สุด
สำหรับนายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อม พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ไม่ร่วมงานวันชาติสหรัฐ ที่สถานฑูตสหรัฐ แล้วมีภาพที่เรียกว่าการ์ดตกนั้น ตนเห็นใจจริงๆ เนื่องจากสังคมไทยอยู่ในช่วงวิตกในหลายเรื่องราว และบางเรื่องกลับตึงจนเกินเหตุ
โดยปกติแล้ว ตนเมื่อเข้าร่วมงานใดจะใส่หน้ากาก แต่มีคนมาถ่ายรูปด้วยจะถอดออกเพื่อจะได้เห็นหน้าตากัน ทันที่ภาพของนายอนุทินถูกเผยแพร่ ทุกกระแสกระหน่ำใส่รองนายกฯอนุทิน ตนไม่ได้เข้าข้างใคร เพียงแต่สังคมไทยมีความตึงกันเกินกว่าเหตุ ยอมกันไม่ได้ ถึงกับตีความการ์ดตกกันเลย แล้วเกิดกระแสวิจารณ์กันอย่างหนัก
"ผมว่า ในขณะนี้ คนไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด บางเรื่องไม่ยอมข้ามพ้น บางเรื่องก็หักไม่ยอมงอกัน ทั้งที่จริงๆเรื่องนี้ แต่ละคนมีความผ่อนคลายกันเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าต้องตึง ต้องใส่หน้ากากตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น กรณีถ่ายรูปให้ถอดหน้ากากกันบ้าง สังคมไทยควรอะลุ่มอล่วย ไม่จำเป็นต้องตึงจนยอมความกันไม่ได้"
นายจตุพร กล่าวว่า ทั้ง 2 กรณี คือ ผบ.ทบ.สหรัฐและคณะเยือนไทย รวมทั้งนายอนุทิน ถ่ายรูปไม่ใส่หน้ากากนั้น สะท้อนถึงบรรยากาศของไทยขณะนี้มีความตึงเครียดพร้อมจะแตกหักกันตลอดเวลา ไม่พร้อมอะลุ่มอล่วยกัน