จาก 'น้องชมพู่' ถึง 'น้องกานต์' เงื่อนงำ ความเชื่อ และกระแสสังคม
ฮอตโซเชียล .. จาก "น้องชมพู่" ถึง "น้องกานต์" เงื่อนงำสาเหตุการตาย ความเชื่อ และกระแสสังคม
ยังอยู่ในกระแสต่อเนื่องไม่หยุด สำหรับเด็กเสียชีวิตปริศนา 2 ราย ที่ยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ คดีแรก เป็นข่าวโด่งดังเมื่อเดือน พฤษภาคม “น้องชมพู่" เด็กหญิงวัย 3 ขวบ หายตัวปริศนาจากบ้านตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ก่อนจะพบเปลือยกายเสียชีวิตบริเวณป่าภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร และได้มีการชันสูตรพลิกศพ 3 รอบ แต่ก็ไม่มีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีผู้ใด
ขณะที่โลกสังคมออนไลน์ และผู้ที่ติดตามข่าวน้องชมพู่ รวมถึงแม่น้องชมพู่ ต่างพุ่งเป้าไปที่ ลุงพล ลุงของน้องชมพู่
จู่ๆ ลุงพล ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าน้องชมพู่ เครียดจัดถึงขั้นโกนผมและคิ้วตามความเชื่อ แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ฆ่าหลาน พร้อมตั้งข้อสงสัยทำไมพ่อแม่ไม่ล้างหน้าศพซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเห็นหน้าลูกตัวเอง ทำให้กระแสตีกลับไปหาแม่น้องชมพู่ทันที ลุงพลยังท้าแม่น้องชมพู่เผชิญหน้าออกสื่อพร้อมกัน ลั่นถ้าสงสัยตัดพี่ตัดน้องไปเลย ไม่ต้องมาคบหา
วานนี้ ( 8 ก.ค.63 ) แม่น้องชมพู่ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา ได้เปิดใจในรายการถามตรงๆ กับจอมขวัญ ในสิ่งที่ตัวเองนั้นอัดอั้นมานาน ว่าเหตุที่สงสัยลุงพล เพราะลุงดูรักลูกเรามากเกินไป ลุงพลชอบพูดว่า รักชมพู่มาก ถ้าเกิดพ่อแม่ไม่เลี้ยง ก็จะเลี้ยงเอาไว้เอง ไม่ได้พูดครั้งเดียว พูดอยู่ตลอด เราสงสัยลุงพลมาตั้งแต่ก่อนน้องหายแล้ว พูดย้ำๆอยู่แบบนั้น ว่าจะเอาลูกเราไปเลี้ยง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตร.เก็บหลักฐานบ้านลุงพล คดีน้องชมพู่ ถอนขนสุนัขตรวจหาดีเอ็นเอ
ผบ.ตร.ยัน มีหลักฐานเชื่อมโยง "คดีน้องชมพู่" กับผู้ต้องหาอนาจารเด็กหญิง 5 ขวบ
งานหนักจึงตกเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อควานหาตัวคนร้ายตัวจริงให้ได้ อีกทั้งยังมีกระแสข่าวว่าจะออกหมายจับคนฆ่าน้องชมพู่เร็วๆ นี้
ซึ่งพล.ต.ต.อรรคพงศ์ พิมลศิริ ผบก.ภ.จ.มุกดาหาร กล่าวในเรื่องนี้ว่า คดีของน้องชมพู่ในตอนนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าคดีมีความคืบหน้าไปกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะกลัวเสียรูปคดี
“แต่ในขณะนี้พูดได้ว่า ยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาคนใดทั้งสิ้น และคาดว่าในวันศุกร์ที่ 10 ก.ค.63 จะเปิดแถลงข่าวให้ผู้สื่อข่าวทราบความก้าวหน้าของคดี จากนั้นทุกๆ 5 วัน หรือ 7 วัน จะแจ้งข่าวสารใหม่ๆของคดีของน้องชมพู่ให้ผู้สื่อข่าวได้ทราบความคืบหน้าของคดี”
คดีที่สอง “น้องกานต์" อายุ 6 ขวบ หายตัวออกไปจากบ้านพัก เมื่อวันที่ 4 ก.ค.63 ในพื้นที่ ต.พลับพลา อ.เมือง จ.จันทบุรี ร่วม 3 วัน ก่อนจะมาพบกลายเป็นศพเสียชีวิตปริศนาในสภาพมีบาดแผลคล้ายถูกสัตว์กัดแทะ ร่างเหลือแค่ครึ่งท่อนบน พบเสื้อผ้าห่างจากศพ 30 เมตร พบรูปปั้นที่ศาลพระภูมิล้มคอหัก
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า น้องกานต์ อาจเดินพลัดตกลำธาร ถูกน้ำซัดจนจมน้ำเสียชีวิต จากนั้นฝูงสุนัขมาพบจึงลากศพขึ้นมากัดกิน หรือเด็กอาจถูกสุนัขรุมกัดจนตาย ซึ่งจะต้องมีกระบวนการพิสูจน์ทราบว่า เด็กจมน้ำตายไปก่อนหรือไม่
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ท.มนตรี เปิดเผยว่า แนวทางการสืบสวน ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง เพราะมีการพบชิ้นส่วน โครงกระดูกจำนวนมาก ที่น่าจะมีการทำร้าย หรือ กิน ซึ่งเกิดจากคน หรือสัตว์ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดี ที่จะมีการสืบทราบจาก DNA ที่พบในที่เกิดเหตุว่าจะเป็นหรือเกี่ยวข้องกับใครบ้าง หรือมีความเกี่ยวข้องกับคดี หรือไม่อย่างไร ให้อดใจรอ
“คดีของน้องกานต์ มีส่วนคล้ายกับคดีของ น้องชมพู่ ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับ วัตถุพยานหลักฐาน ในที่เกิดเหตุ และผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ มีความคล้ายกับ คดีของน้องชมพู่ ที่จะต้องมีการเก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆ ทั้ง เส้นผมของบุคคลใกล้ชิด DNA ขนสุนัข ไปตรวจสอบแต่ในส่วนคดีของน้องชุมพู่ มีรูปคดีที่แตกต่างออกไป แต่พยานแวดล้อม วัตถุพยาน หลักฐาน พยานเอกสาร ในที่เกิดเหตุ มีความคล้ายกัน” พล.ต.ท.มนตรี กล่าว
อย่างไรก็ตามประชาชนตั้งข้อสังเกตเสื้อยืดคอกลมสีแดงของน้องกานต์ เด็ก 6 ขวบ สภาพศพเหลือครึ่งท่อน หลุดจากศพได้อย่างไร ไร้คราบเลือด ส่วนชาวบ้านที่ร่วมกันออกตามหาตลอด 2 วัน เชื่อกันว่าอาจจะเป็นเพราะอาถรรพ์ผีบังตาก็เป็นได้
ท่ามกลางเฝ้าติดตามความคืบหน้า เพื่ออยากรู้สาเหตุการตายที่แท้จริงของเด็กทั้งสองคน ขณะที่สื่อทีวีและออนไลน์แนวหัวสีเกาะติดทุกแง่มุม ไม่เว้นเรื่องความเชื่อหลังความตาย สิ่งลี้ลับ .. แต่ความจริงจะต้องพิสูจน์ได้ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น จึงจะเชื่อถือและยอมรับได้!!