แม่น้องชมพู่ ยอมรับให้พี่สาวโกหกว่านอนหลับ ขณะลูกหาย อ้างหวั่นคนร้ายถูกมือปิดปาก
แม่น้องชมพู่ ยอมรับให้พี่สาวโกหกว่านอนหลับ ขณะลูกหาย อ้างหวั่นคนร้ายถูกมือปิดปาก ลุ้นผลนิติวิทย์ฯ "คดีน้องชมพู่" คืบหน้าแล้ว 80% วุ่นปมแฉพี่สาวพ่อแม่ - ตร.ยังไม่ออกหมายจับ ติงสื่อสรุปหรือฟันธง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (10 ก.ค.2563) พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ว่า ทางชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ ทำงานอย่างต่อเนื่อง ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้จะมีประเด็นเด็กหญิง เพื่อนของพี่สาวน้องชมพู่ ได้ให้ข้อมูลกับสื่อบางสำนักว่า แท้จริงแล้วพี่สาวของน้องชมพู่นอนคว่ำหน้าเล่นโทรศัพท์ ในขณะที่น้องชมพู่หายตัวไป และไม่ได้นอนหลับตามที่เคยให้ข้อมูลไว้นั้น ทางตำรวจมั่นใจว่าประเด็นนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อรูปคดีและแนวทางการสืบสวนสอบสวนอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่เด็กหญิงบอกเล่ากับสื่อนั้นเป็นสิทธิที่เด็กจะสามารถกระทำได้ แต่การที่สื่อไปสัมภาษณ์เด็กหญิงเพื่อนของพี่สาวน้องชมพู่นั้นเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะไม่ควร
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า พยานหลักฐานที่มีตอนนี้ยังไม่สามารถออกหมายจับหรือระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ แม้ว่าสังคมจะมีการสงสัยพ่อแม่หรือลุงของน้องชมพู่ก็ตาม แต่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อเท็จจริงไม่ตามกระแสสังคม ยอมรับว่าคดีมีความคืบหน้า 80% แต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มีน้อยมาก ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ส่วนสาเหตุการชีวิตของน้องชมพู่ว่าถูกฆาตรกรรมหรือไม่ แพทย์นิติเวชก็ยังสรุปไม่ได้ บางทีรายงานข่าวของสื่อที่หลุดออกไปตนก็ตั้งข้อสังเกตว่าหลุดไปได้อย่างไร รายละเอียดการนำเสนอก็ไม่ใช่ความจริง อย่าพึ่งไปสรุปหรือฟันธง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้จะมีโอกาสได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีหรือไม่ รองผบ.ตร. บอกว่า เป็นเรื่องยากที่จะบอกแบบนั้น ตำรวจทำให้ดีที่สุดรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างให้ครบถ้วน ไม่ได้หาหลักฐานเพียงแค่ออกหมายจับ แต่จะต้องมีหลักฐานจนนำสู่การดำเนินคดีในชั้นศาลได้
ด้าน พลตำรวจโท เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ยอมรับว่าปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนในพื้นที่ ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจยุ่งยากมากขึ้น ส่วนความขัดแย้งของบรรดาญาตินั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการนำเสนอข่าว ส่วนจะให้สื่อปรับปรุงหรือแก้ไขการทำงานอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ
ด้าน พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตำรวจได้มีการเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 900 กว่าปาก และในอีก 2 - 3 วัน จะได้รับรายงานผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่นดีเอ็นเอ และวัตถุพยานต่าง ๆ จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อว่าอาจจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการคลี่คลายคดี
ล่าสุดช่วงบ่าย 10 ก.ค. นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีว่า ที่ผ่านมาตำรวจได้ทำงานคดีคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 70 ฝากความหวังในการคลี่คลายคดีไว้กับตำรวจ
นางสาวิตรี กล่าวว่า ส่วนกระแสสังคมที่มองว่าพ่อแม่มีส่วนรู้เห็นในการเสียชีวิตของลูกสาว ทุกคนมีสิทธิ์คิด แต่อยากให้เห็นใจคนเป็นแม่ ที่นอกจากลูกตายแล้ว ยังต้องมาตอบคำถามและคำด่าจากสังคม
ส่วนประเด็นน้องสะดิ้งซึ่งเป็นคนเลี้ยงน้องชมพู่ในช่วงที่น้องชมพู่หายตัวไป ต้องบอกให้ลูกสาวโกหกว่าหลับ เพราะเป็นห่วงความปลอภัยลูกสาวคนโต ที่ผ่านมาปล่อยข่าวว่าน้อง หากคนร้ายรู้ว่าลูกไม่ได้หลับเกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย ยืนยันว่าน้องสะดิ้งรักและดูแลน้องเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหารคาดว่าเตรียมแจกเอกสารความคืบหน้าคดีด้วย