เศรษฐี เปย์หนัก จัดเต็ม ‘โฮมเธียเตอร์ ไฮเอนด์’ ดูหนัง ฟังเพลง บูมตลาดโต ‘ยามาฮ่า’ ผนึกโซนิควิชั่น บุกออนไลน์
โควิด กระทบธุรกิจกวาดทั้งกระดานให้เสียหาย ส่วนผู้บริโภคจำนวนมาก เดือดร้อนเพราะรายได้ กำลังซื้อหายไป แต่กลุ่มผู้บริโภคที่มั่งคั่ง เป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์ กลับเปย์ซื้อ "โฮมเธียร์เตอร์" รับวิถีนิว นอร์มอล ดูซีรี่ส์ หนัง ฟังเพลงอยู่บ้าน ดันตลาดโต
โควิดกลายเป็นโรคร้ายมีพิษสงทำลายเศรษฐกิจ กวาดธุรกิจให้เสียหายทั้งกระดาน น้อยคนที่จะยืนหยัดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปได้ แต่ใช่ว่าไม่มีเลย เพราะ “ตลาดโฮมเธียเตอร์ระดับกลางถึงบน” มูลค่าตลาดรวม 2,000 ล้านบาท พอหายใจหายคอสร้างการเติบโตได้ราว 10% เหตุผลสำคัญมาจากผู้คนต้องร่วมมือรัฐ “ล็อกดาวน์” ด้วยการอยู่บ้าน ทำงานจากบ้าน หนุนพฤติกรรมการเสพสื่อบันเทิงภายในบ้านทั้งดูหนัง ฟังเพลงผ่านยูทูป เน็ตฟลิกซ์ สปอทิฟายฯ ทำให้ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง เศรษฐี ถือโอกาสอัพเกรดเปลี่ยนโฮมเธียเตอร์ จัดเต็มเพิ่มอรรถรสการรับชมหนัง ซีรี่ส์ ฟังเพลง
เกิดวิกฤติแต่ “โอกาส” มักตีคู่มาเสมอ ทำให้แบรนด์ “ยามาฮ่า” ยกทัพสินค้าขยายช่องทางจำหน่าย สร้างการเติบโต โดย พีรวัฒน์ ชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด เล่าจุดแข็งของแบรนด์ยามาฮ่า ว่า มีสินค้าครบเครื่องทั้งเครื่องดนตรี เครื่องเสียงภายในบ้าน ตอบโจทย์ผู้บริโภค
ช่วงโควิดแม้หน้าร้านจะถูกล็อกดาวน์ ทำให้ลูกค้าเสียโอกาสในการทดลอง สัมผัสสินค้า และประสบการณ์ก่อนซื้อ แต่ “ออนไลน์” เป็นช่องทางใหม่ในการบุกตลาด รวมทั้งผู้บริโภคที่มองหาโฮมเธียเตอร์คุณภาพ ทำให้บริษัทอาศัยพันธมิตร “โซนิค วิชั่น” แกร่งในการค้าขายเครื่องเสียงไฮเอนด์เป็นเวลานานกว่า 20 ปี ผนึกกำลัง (ซีนเนอร์ยี) ขายผ่านช่องทางออฟไลน์ ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ จำหน่ายกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ เสริมศักยภาพในการทำตลาดออนไลน์
การบุกตลาดโฮมเธียเตอร์ครั้งนี้ ยังเป็นการปรับตัวของ “สยามดนตรียามาฮ่า” ในการขยายธุรกิจช่วงโควิด เพราะหากบริษัทจะลงมาเล่นออนไลน์เองไม่ได้ เพราะอาจกระทบกลไกราคา เนื่องจากช่องทางหลักคือการพึ่งพาตัวแทนจำหน่ายหรือดีลเลอร์
“ช่วงโควิดเกิดปฏิกิริยาเร่งให้ผู้บริโภค ผู้ประกอบการต้องขยายสู่ออนไลน์ โดยสยามดนตรียามาฮ่าจะส่งเสริมการทำตลาดดิจิทัล สร้างการรับรู้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ ลูกค้าจะเลือกซื้อแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ หรือไม่ก็เลือกสินค้าราคาเหมาะสมไปเลย”
เนื่องจากโควิดส่งผลกระทบต่อธุรกิจค่อนข้างมาก การดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลัง นำแผนธุรกิจต่อเนื่อง (BCP) มาใช้ เช่น ทำการตลาดดิจิทัลมากขึ้น ทั้งคุยกับลูกค้าและผู้บริโภค เพื่อหาโอกาสโต อย่างไรก็ตาม ต้นปีบริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-20% แต่จากภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อชะลอตัว และโรคระบาดทำให้ปรับเป้าลดลง โดยสินค้าที่มีสัดส่วนยอดขายสูงสุด คือ กลุ่มเครื่องดนตรี 50-60% ตามด้วยเครื่องเสียงบ้าน 20% และธุรกิจบริการ การศึกษา 10% อื่นๆ 10%
“ธุรกิจที่ปรับตัวเก่งจะสามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤติ”
มร. จิน คะตากิริ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด กล่าวว่า ยามาฮ่า คือแบรนด์เครื่องดนตรีเบอร์ 1 ของโลก ในไทย เปียโน เป็นผู้นำตลาด มีส่วนแบ่ง 40-50% กีต้าร์เป็น 1 ใน 5 (Top5) ทั้งนี้ ช่วงโควิดทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่วิถีปกติใหม่หรือนิว นอร์มอล เช่น การแสดงดนตรี คอนเสิร์ต ต้องอยู่บ้าน และผู้ชมจากบ้าน แต่สถานการณ์ดังกล่าวกลับทำให้ตลาดเครื่องดนตรีมีการเติบโต ทว่า การทำธุรกิจเพื่อฝ่าวิกฤติโควิด บริษัทต้องปรับตัวมากขึ้น
มร. จิน คะตากิริ
“เพิ่งเข้ามาดูแลธุรกิจในไทยตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการบริหารธุรกิจห้วงเวลานี้การปรับตัว มีความยืดหยุ่นสำคัญมาก เพื่อสร้างการเติบโต”
สมัคร สมัครคามัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โซนิควิชั่น กรุ๊ป เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดโฮมเธียเตอร์เครื่องเสียงภายในบ้านระดับกลาง-บน หรือมีราคาตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป และมีมูลค่าตลาดราว 2,000 ล้านบาท ช่วงที่มีโควิด-19 ช่องทางออนไลน์ยอดขายเติบโตขึ้นมาก ส่วนทั้งปียังคาดการณ์ยากจะเติบโตเท่าใด ส่วนการจับมือกับสยามดนตรียามาฮ่าเพื่อขยายตลาดโฮมเธียเตอร์ตั้งเป้าหมายเป็น “ผู้นำตลาด” มีส่วนแบ่งทางการตลาด 30% ในปี 2564 จากปัจจุบันผู้นำคือ Onkyo จากญี่ปุ่นเช่นกัน
“เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของโซนิควิชั่น กรุ๊ป ที่ผนึกกับแบรนด์ธุรกิจด้านดนตรียักษ์ใหญ่ของประเทศอย่างสยามดนตรี ยามาฮ่า โดยบริษัทจะใช้จุดแข็ง ความเชี่ยวชาญช่วยบริหารจัดการช่องทางจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องเสียงในบ้าน และโฮมเธียเตอร์ ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด ดีลเลอร์ และช่องทางออนไลน์ ในเครือของโซนิควิชั่น ทั่วประเทศ รองรับแนวโน้มตลาดที่จะเติบโตและกลับมาคึกคักมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้ จากไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหันมาหาความสุขกับกิจกรรมภายในบ้านมากยิ่งขึ้น”
ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ยามาฮ่า(YAMAHA)