'ไพบูลย์' ยัน 'พล.ต.อ.ยงยุทธ' ซบ พปชร. หลังพรรคประชานิยมสิ้นสภาพ
"ไพบูลย์" ยืนยัน “พล.ต.อ.ยงยุทธ” ได้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว หลังพรรคประชานิยมสิ้นสภาพ เตรียมเปิดตัวในที่ประชุม ส.ส.พรรคสัปดาห์หน้า
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 63 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชานิยม ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว ภายหลังจากที่ กกต.ประกาศให้พรรคประชานิยมได้สิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมือง โดยหลังจากนี้ พล.ต.อ.ยงยุทธ ต้องทำหนังสือแจ้งต่อประธานสภาผู้แทนราาฎรเพื่อแจ้งสถานะการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และได้มีการนัดหมายเพื่อเปิดตัว ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ ในที่ประชุม ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ
ส่วนหลังจากนี้จะมี ส.ส.ของพรรคอื่นย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น นายไพบูลย์ บอกว่า ตนไม่ต้องการใช้คำว่าพรรคอะไร เพราะความจริงเป็นเรื่องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคสังกัดได้สิ้นสภาพไปก็ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา101(10)ที่จะต้องสมัครสมาชิกพรรคใหม่ภายในเวลาที่กำหนดเพื่อรักษาสถานะการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ทราบว่าอาจจะมี พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังชาติไทย ซึ่งต้องไปสอบถามกับท่านว่าขณะนี้ดำเนินการไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว ซึ่งเมื่อพรรคที่สังกัดสิ้นสภาพลงก็สามารถมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐได้
ทั้งนี้ นายไพบูลย์ ยืนยันว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของพรรคขนาดเล็กสลายตัวเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพให้รัฐบาล แต่เป็นเรื่องของพรรคที่ไม่สามารถดำเนินการได้อาจจะด้วยปัญหาต่างๆก็สามารถขอเลิกกิจการได้ตามกฎหมาย พ.ร.ป.พรรคการเมือง ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกของกฎหมาย โดยพรรคขนาดเล็กที่มีเสียงเดียวภายใต้กฎระเบียบของพ.ร.ป.พรรคการเมืองก็เข้าใจว่ามีหลายพรรคที่มีความลำบากในการประคองสถานะการเป็นพรรคการเมือง ส่วนพรรคใดที่สามารถดำเนินการต่อไปได้ก็ดำเนินการต่อไป ดังนั้นยืนยันว่าไม่ได้เป็นการไปเชิญชวน ซึ่ง ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐที่เพิ่มขึ้น ก็มาจากการชนะการเลือกตั้งซ่อมในเขตต่างๆ และจากการที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีการเลิกพรรคไปแล้วมาเข้าร่วม แต่ก็ไม่ใช่เป็นแนวทางหลักที่พรรคพลังประชารัฐจะใช้ เพราะสิ่งที่หวังคือการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็มีการเปลี่ยนกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยนโยบายความเป็นเอกภาพและความเข้มแข็งของพรรคที่จะเกิดขึ้น เป้าหมายของพรรคคือการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคต้องได้เสียงเป็นอันดับ1 โดยตั้งใจว่าจะให้มี ส.ส. 200 คนขึ้นไป