นายกฯควง '2บิ๊กป.' ปลูกป่าเชียงใหม่ มอบนโยบายผู้ว่าฯ 76 จังหวัด ฝากเยาวชนปมม็อบ
"ประยุทธ์" ควง "บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก" พร้อมคณะรมต. ลงพื้นที่เชียงใหม่ ปลูกป่าตามโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า พร้อมมอบนโยบายให้ผู้ว่าทั้ง 76 จังหวัด ฝากเยาวชนปมม็อบ ไม่มุ่งไปกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะทุกคนคือคนไทย
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 ก.ค. ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสี อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและผู้ว่าราชการ 76 จังหวัด รวมทั้งจิตอาสาประมาณ 1,000 คน มาปลูกป่า ทดแทนป่าเสื่อมโทรม ในโครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่า
เมื่อคณะนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงบริเวณปลูกป่า 68 ไร่ ภายในอุทยานน้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสี ได้เข้าเยี่ยมนิทรรศการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดแสดงไว้ พร้อมได้ให้แนวกับข้าราชการที่มารอร่วมปลูกป่า ว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์จากการปลูกป่า เพื่อมีน้ำใช้ในอนาคต และเป็นทรัพยากรเก็บไว้ให้ลูกหลานต้องรณรงค์ให้ช่วยปลูกป่า ส่วนป่าต้นน้ำที่ถูกทำลาย ต้องมีการสร้างฝายชะลอน้ำ เพื่อให้เกิดประโยชน์ เพื่อกักเก็บน้ำในพื้นที่ ต้องหาแหล่งแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ ต้องหาวิธีกระจายไปในนอกเขตชลประทาน ต้องทำแหล่งเก็บน้ำขนาดเล็ก ในช่วงนี้ต้องเร่งเก็บน้ำไว้
นอกจากนั้น ยังได้ขอให้มีการรณรงค์ให้ประชาชนขุดบ่อน้ำไว้ใช้ในบ้าน เพราะทิศทางน้ำเริ่มเปลี่ยน ต้องคิดใหม่เริ่มใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำและรักษาป่าไม้ไว้เพื่อให้มีทรัพยากรสมบูรณ์ การจูงน้ำไม่จำเป็นต้องเป็นโครงการใหญ่ เพื่อให้มีน้ำพร้อมใช้งาน ในช่วงที่น้ำไม่เข้าเขื่อนต้องหาวิธีแก้ไข ต้องนึกถึงประชาชนเป็นหลัก จะทำอะไรต้องถามประชาชนก่อน เป็นข้าราชการต้องทำอย่างโปร่งใส
ในอนาคตจะหาวิธีจูงน้ำจากข้างล่างขึ้นบนที่สูง เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ ต้องจัดใหม่ นี่คือ “New Normal” รัฐบาลวิถีใหม่ ทำอะไรต้องให้ประชาชนเห็นด้วย สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วง คือ ทำอย่างไรให้ยั่งยืน ประชาชนมีความสุข ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมต้องอาศัยน้ำ ให้ดูป่าพื้นที่ไหนเหมาะกับปลูกอะไร ถ้าคิดเองทำเองจะไม่เกิดประโยชน์ เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ ต้องปลูกป่าในใจคนให้ได้ก่อน
หลังจากนั้น ได้เดินมาที่เวทีกลางเพื่อเปิดงานปลูกป่า โดยเริ่มจากการถวายพระพรเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563
ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา หลังจากนั้น ก่อนกล่าวเปิดงานได้บอกให้ข้าราชการทุกคนที่อยู่ในเต้นท์ ออกมาข้างนอก อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝน ก่อนที่จะเดินไปปลูกต้นสัก และปล่อยกล้วยไม้เขากวางอ่อน ตามลำดับ พร้อมกับเดินทักทายจิตอาสาที่มาร่วมงานปลูกป่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การร่วมกันปลูกป่า ประชาชนเป็นคนที่จะได้รับประโยชน์ เจ้าหน้าที่เป็นผู้ที่จะเข้ามาช่วยดูแลรักษา ปัญหาเรื่องน้ำเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลที่ต้องแก้ไข ซึ่งต้องให้ประชาชนเห็นชอบในแนวทางการแก้ไข เพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งได้ให้แนวทางไปก่อนหน้านี้แล้ว ในการประชุมปลัดกระทรวงในการบริหารจัดการแบบ “New Normal” โดยต้องนำระบบดิจิตอลข้อมูลเข้ามาช่วยเสริม เพื่อเก็บข้อมูลต้นไม้ เพื่อเดินหน้าไปสู่ ยุคเทคโนโลยีและนวัตกรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า มีความเป็นห่วงเรื่องแก้มลิงที่ใช้กับเก็บน้ำที่เริ่มดำเนินการมาหลายจังหวัดแล้ว เนื่องจากติดขัดในเรื่องพื้นที่หากเป็นพื้นที่ของรัฐสามารถนำมาทำได้ในทันทีแต่ในบางครั้งพื้นที่ของรัฐไม่มีความเหมาะสมต้องใช้พื้นที่ของภาคเอกชน การดำเนินการทำแก้มลิงสามารถดำเนินการได้ใน 2 รูปแบบคือแก้มลิงแบบธรรมชาติ เช่นที่อยุธยามีทุ่ง 9 ทุ่ง ที่ทำการเพาะปลูกไม่ได้ ให้ทำเป็นแก้มลิงไปเลยแล้วให้ทำการเลี้ยงปลาเพื่อเป็นอาชีพ ไม่ใช่ให้เปลี่ยนจากปลูกข้าวมาเลี้ยงปลา
สำหรับการมอบนโยบายให้กับผู้ว่าราชการทั้ง 76 จังหวัด จะมอบในเรื่องของยาเสพติดเรื่องการทำงานในรูปแบบ New Normal เรื่องการพัฒนาอาชีพคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการจัดทำโครงการเพื่อฟื้นฟู ที่สำคัญคือต้องตรงกับความต้องการของภาคประชาชน และมีประสิทธิภาพตรวจสอบได้หากทำแล้วไม่สามารถตรวจสอบได้จะเกิดปัญหาตามมา
ดังนั้น เรื่องทั้งหมด ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีสามารถทำได้แบบนี้ เรื่องสำคัญคือต้องเกิดผลสัมฤทธิ์กับภาคประชาชนไม่มากก็น้อย หากทำแล้วไม่เกิดจะมีปัญหาตามมาดังนั้นหลายเรื่องที่จะต้องย้ำในวันนี้ คือเรื่องป่า เรื่องการจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม เรื่องวิถีชีวิตของประชาชนว่าจะดูแลพวกเขาอย่างไร วิถีชีวิตของข้าราชการจะทำอย่างไร เรื่องยาเสพติดการข้ามแดนแบบผิดกฎหมาย ซึ่งต้องย้ำให้เจ้าหน้าที่ทำงานร่วมกัน เพราะมีหลายหน่วยงานที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบ เนื่องจากกำลัง สู่มาตรการผ่อนคลายระยะที่ 6 เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อน อาจจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นต้องมีคนเข้ามาเที่ยวแต่ต้องดูว่าท้องถิ่นมีมาตรการในการรับมืออย่างไรเสริมกับภาครัฐอย่างไร
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า อยากฝากถึงเด็กทุกคน ไม่มุ่งไปกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะทุกคน คือ คนไทย ไทยสร้างชาติ รวมไทยสร้างชาติ ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย