'จตุพร' ย้ำรัฐควรยื่นมือรับ 3 ข้อเรียกร้องของนักศึกษา
"จตุพร พรหมพันธุ์" ย้ำรัฐควรยื่นมือรับ 3 ข้อเรียกร้องของนักศึกษาเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี เชื่อคดีดังขับรถชนตำรวจ เป็นชนวนเติมพลังให้คนหนุ่มสาวในขณะนี้
ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี มีการจัดรายการลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ ยังคงจัดในรูปแบบสตูดิโอและงดกิจกรรมร้องรำทำเพลง มีเพียงการสื่อสารของประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ไปยังพี่น้องมวลชนเป็นปกติทุกสัปดาห์ โดยก่อนเข้าสู่เนื้อหาการพูดคุย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้อวยพรวันคล้ายวันเกิดให้กับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในโอกาสครบรอบอายุ 71 ปี เข้าใจในความยากลำบากทุกประการที่ผ่านมา ขอให้พ้นทุกข์พ้นโศก และขอให้มีความสุขทุกประการ
โดยหัวข้อที่จะสนทนาในวันนี้ คือ กระทิงทุ่งใหญ่นเรศวรเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา คดีดังทองหล่อจะเกิดอะไร เพราะขณะนี้เรื่องดังไม่ว่าไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึงคดีของ บอส อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจ เมื่อวันที่ 3 กันยายนปี 2555 จนกระทั่งมีคำสั่งไม่ฟ้องอย่างเด็ดขาด ดังนั้นที่ต้องยกตัวอย่างกระทิงที่ทุ่งใหญ่นเรศวรนั้น เพราะเป็นประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ว่า ความอยุติธรรมใดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะมีอำนาจเพียงใด ไม่สามารถทัดทานผู้ต้องการแสวงหาความยุติธรรมนั้นได้
นายจตุพรกล่าวว่า การเป็นรัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร ภายหลังยึดอำนาจตัวเอง ก็เข้าใจว่า อย่างไรก็ตามอำนาจนั้นเป็นนิรันดร แต่วันดีคืนดีมีชนวนเหตุ ที่นายทหาร นำเฮลิคอปเตอร์ของทางราชการ ไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร หนึ่งในนั้นคือกระทิง เก้ง กวาง จำนวนมากและนำซากสัตว์กลับมาด้วย แต่ด้วยน้ำหนักมากเกินกว่า เฮลิคอปเตอร์จะบรรทุกไหว ทำให้ เฮลิคอปเตอร์ตกที่ อำเภอดอนตูมจังหวัดนครปฐม และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ออกหนังสือเรื่องมหาวิทยาลัยไม่มีคำตอบขายเล่มละ 1 บาทในขณะนั้น เกี่ยวกับกรณีการล่าสัตว์ในทุ่งใหญ่นเรศวร และมีการเปรียบเปรยกับการต่ออายุราชการให้กับผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นด้วย
อธิการบดีรามคำแหงในขณะนั้น ซึ่งเป็นคนที่รัฐบาลส่งมาให้บริหารมหาวิทยาลัย ก็คิดว่าน่าจะมีปัญหาอะไร แต่เมื่อนักศึกษาและกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ออกหนังสือเล่มดังกล่าว ก็ถูกลบชื่อทันที ทำให้เกิดวิวัฒนาการร่วมมือกันระหว่างรามคำแหงกับศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย มีการชุมนุมเรียกร้อง ให้มีการคืนสถานภาพ แต่สถานการณ์ลุกลามไปถึง การเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญ
ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นบริบทของปรากฏการณ์ที่เหมือนกัน เพียงแต่ต่างกันตรงที่กระทิงทุ่งใหญ่นเรศวร กับคดีทองหล่อ จนวิวัฒนาการนำไปสู่ปรากฏการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และท้ายที่สุด เป็นจุดจบของรัฐบาลจอมพลถนอมที่อยู่ในอำนาจมาอย่างยาวนาน ดังนั้นประวัติศาสตร์ได้ อธิบายอย่างชัดเจนว่า ชนวนการล่ากระทิงที่ทุ่งใหญ่นเรศวรนั้นนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
ทั้งนี้ในตอนที่ประวัติศาสตร์ของกระบวนการคนเสื้อแดงยังแข็งแรง หัวใจหลักที่พูดถึงคือ เรื่อง 2 มาตรฐาน / เรื่องความอยุติธรรม ความเท่าเทียมกัน ทำให้กระแสคนเสื้อแดงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมานั้นตนเคยพูดหลายครั้งว่าในกระบวนการทำคนเสื้อแดงในอดีตนั้นบอกว่า อย่าเอาเงินมานำ แต่เอาความรู้สึกอุดมคติเข้าไปวาง เพื่ออธิบายใฟ้ฟังว่า ความอยุติธรรมเหมือน การเอาน้ำมันไปราดใส่กองไฟ เวลานี้เกิดแฟลชม็อบ เต็มบ้านเต็มเมืองโดยมีข้อเรียกร้องประเด็นหลัก 3 หัวข้อถือเป็นประเด็นสาธารณะ แต่ที่ส่งเสริมพลังให้เติบโตทวีความรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ คือกรณีกระทิงแดงทองหล่อ ที่ส่งผลกระทบกระเทือนใจสาธารณะและเป็นชนวนทางความรู้สึกอย่างรุนแรงที่สุด
นายจตุพร กล่าวย้ำด้วยว่า ผู้มีอำนาจจะต้องมารับข้อเรียกร้องของคนหนุ่มสาว โดยให้มองเป็นปรากฏการณ์ว่าเป็นความคิดเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว แต่เป็นข้อเรียกร้องที่เป็นประโยชน์สาธารณะและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ดังนั้นตนเชื่อว่า หากสร้างบรรยากาศที่เป็นไปร่วมกันได้ ปลายทางที่มีความกังวลกันนั้นก็จะผ่านพ้นไปด้วยดี
ส่วนการจับมือกับนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ นั้นตามที่เป็นข่าว ตนได้เดินทางไปร่วมพูดคุยตามคำเชิญของอนุกรรมการชุดสร้างความปรองดองที่เชิญทุกฝ่ายไปร่วมให้ข้อมูล และปรากฏภาพจับมือกับนายสิระนั้นทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไปร่วมมือกับเผด็จการนั้นชื่อก็บอกชัดว่าไปคุยในหัวข้อลดความเกลียดชัง เมื่อนายสิระมาดักขอจับมือ จะให้ตนเอาเท้ายื่นไปจับหรืออย่างไร ดังนั้น เปรียบเสมือนนักมวยก่อนชก ก็ต้องจับมือกันก่อนถึงจะชกกัน เพราะนี่คือมารยาท