ชม 'Apple Store' สุดปังในต่างแดน ที่ไม่ได้เจ๋งแค่ 'ดีไซน์'
ตื่นเต้นกับการเปิดตัว "Apple Central World" กันไปแล้ว เราขอชวนชม "Apple Store" ในต่างประเทศ ที่ไม่เพียงมีดีไซน์สุดเจ๋ง ยั่วให้สาวกจากทั่วโลกอยากจะไปเช็คอินสักครั้ง แถมยังออกแบบอย่างรักษ์โลกอีกด้วย
ได้ฤกษ์เปิดอย่างเป็นทางการเสียที สำหรับร้านค้าปลีกแห่งที่ 2 ในประเทศไทยและใหญ่ที่สุด ที่ธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านไอทีอย่าง Apple เข้ามาปักหลักตั้ง Apple Store โดยเลือกทำเลบริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (Apple Central World) ใจกลางย่านราชประสงค์ แหล่งรวมกิจกรรมและร้านค้าแบรนด์ดัง และยังเป็นเดสติเนชั่นของทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศด้วย โดยเปิดให้บริการวันแรก คือ วันที่ 31 ก.ค. 2563 มีพนักงานให้บริการ 130 คน สื่อสารได้ถึง 17 ภาษา
เรื่องของดีไซน์นั้น เว็บไซต์ทางการของ Apple Thailand สะท้อนแรงบันดาลใจของการออกแบบสาขานี้ว่า คือ สี่แยกแห่งความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยจุดประกายให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น ต่อยอดจินตนาการ และทำไอเดียให้มีชีวิตขึ้นมา รวมถึงเป็นที่แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ทดลอง และลงมือทำทุกความชอบให้เป็นจริง
สำหรับการออกแบบตัวอาคาร นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ใช้กระจกทั้งหมด และตั้งอยู่ใต้หลังคา Tree Canopy ที่ยื่นออกมา เมื่อเข้าไปข้างในจะมี 2 ชั้น มีบันไดวนที่โอบล้อมแกนไม้ไว้อย่างสวยงาม หรือสามารถขึ้นลงชั้นบนและล่างด้วย "ลิฟต์ทรงกระบอก" ที่เลือกนำสแตนเลสขัดเงามาใช้คล้ายกับกระจก ส่วนลานด้านนอกของอาคารจะเชื่อมต่อรถไฟฟ้า มีม้านั่งให้ผู้คนได้มาพบปะกัน และสร้างความร่มรื่นด้วยต้นหูกระจงรอบอาคาร
และเนื่องจาก Apple Store แห่งใหม่นี้ ยังใหม่สดๆ ร้อนๆ ฉะนั้นจึงมีเหล่าสาวกจำนวนมากเฝ้ารอ อยากจะเข้าไปเยี่ยมชม ดังนั้น ในช่วงแรกอาจจะยากสักหน่อย เพราะยังเป็นเปิดบริการภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพ และจะเปิดให้เฉพาะผู้นัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น โดยใครสนใจ สามารถไปที่ apple.com/th/centralworld เพื่อเลือกเวลานัดหมายที่สะดวก "หนึ่งคิวต่อหนึ่งคน" และต้องขีดเส้นใต้หนาๆ ไว้เลยว่า การจองนัดหมายนี้ไม่สามารถโอนสิทธิ์ได้
ฉะนั้น ระหว่างที่ยังต้องรอว่า จะได้คิววันไหน เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องรอคิวเข้าชม "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ขอถือโอกาสรวบรวมเอา Apple Store สาขาอื่นๆ ทั่วโลก ที่มีการออกแบบดีไซน์ล้ำสมัย โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์อีกหลายแห่งทั่วทุกมุมโลก ที่ไม่เพียงแต่ดีไซน์ล้ำๆ ที่ตื่นตาตื่นใจเท่านั้น เพราะยังเป็นการออกแบบภายใต้พันธกิจของ Apple ที่หันมาใช้ "พลังงานสะอาด" ในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ตามที่ประกาศไว้เมื่อปี 2561 ว่า สถานประกอบการของ Apple ใช้พลังงานสะอาด 100% ทั้งร้านค้าปลีก สำนักงาน ศูนย์ข้อมูล และสถานที่ที่ใช้ร่วมกับบริษัทอื่นๆ
ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร..แล้วมีที่ไหนบ้าง ที่น่าสนใจ ตามไปดูกันได้เลย!
ลำดับแรก ขอพาไปดู Apple สาขาแรกในเมืองไทย นั่นคือ Apple Iconsiam ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการเมื่อราว 2 ปีก่อน ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม มีพนักงานให้บริการราว 100 คน ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ตัวร้านเชื่อมกับพื้นที่ดาดฟ้ากลางแจ้ง ซึ่งการออกแบบก็สอดรับตัวอาคารของศูนย์การค้าได้อย่างลงตัว ด้วยการดีไซน์เป็นทรวงสี่เหลี่ยมคางหมู ใช้กระจกใสทำให้ผู้มาใช้บริการสามารถชมวิวธรรมชาติได้ ขณะเดียวกันด้านหน้าของร้านก็เลือกใช้กระจกใสเช่นกัน เพื่อให้สามารถมองได้ทะลุปรุโปร่งไปถึงบริเวณดาดฟ้า
ขณะเดียวกันเดือนกรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา Apple ได้ปรับปรุง Apple Store สาขาแรกของจีน หรือร้าน Apple Sanlitun (ซานลี่ถุน) ตั้งอยู่บนจตุรัส Taikoo Li ในย่านซานลี่ถุน กรุงปักกิ่ง หลังจากเปิดบริการมาราว 12 ปี โดยการขยายร้านเดิมให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า และสาขานี้เป็นร้านค้าปลีกแห่งแรกในจีนที่มีแผงโซลาร์เซลล์ ผลิตพลังงานไฟฟ้าให้กับร้านเช่นเดียวกับทั่วโลกที่ดำเนินการ
การออกแบบครั้งนี้ เน้นการใช้วัสดุที่ผลิตขึ้นในจีน อย่างกระจกขนาดใหญ่ 33 ฟุต ที่ทำให้หากมองจากภายนอกจะเห็นร้านที่โปร่งโล่งนั้น สั่งทำขึ้นในเทียนจิน พื้นของร้านทำจากหิน Padang Light จากจังหวัดซานตง ขณะที่บันไดทั้งสองด้านของร้านก็ออกแบบให้ขนานไปกับบันไดด้านนอก เพื่อให้ทำร้านดูกว้างขึ้น นอกจากนี้ระเบียงทางทิศตะวันตกก็ปลูกต้น Sophora japonica ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำเมืองปักกิ่ง ขณะเดียวกันก็ได้เพิ่มพนักงานเป็น 185 คน จากเดิมมีเพียง 52 คน
ขณะเดียวกันยังมีการบูรณะอาคารเก่าแก่พลิกโฉมสู่ร้านค้าปลีก Apple Store ด้วยเช่นกัน อย่างร้านสาขา Apple Carnegie Library ตั้งอยู่ที่หอสมุดคาร์เนกี บนจตุรัสเมาท์ เวอร์นอน ในกรุงวอชิงตัน ดีซี มีพนักงานที่สามารถสื่อสารได้ 27 ภาษา โดยเป็นการปรับหอสมุดกลาง อาคารสไตล์โบซาร์
เนื่องด้วยสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของ DC History Center แห่งใหม่ ประกอบด้วย Kiplinger Research Library, หอศิลป์สามแห่งและร้านค้าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งดำเนินการโดยสมาคมประวัติศาสตร์แห่งวอชิงตัน ดีซี ทำให้การบูรณะครั้งนี้ต้องทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์ โดยคงรูปแบบอาคารส่วนหน้าที่มีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ไว้ให้มากที่สุด ตกแต่งพื้นภายในด้วยรูปแบบดั้งเดิม รวมถึงการฟื้นฟูรายละเอียดต่างๆ ให้เหมือนเดิม
เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะรู้สึกถึงความโอ่อ่า ปรับพื้นที่เพดานช่องรับแสงที่เคยส่องสว่างโต๊ะให้บริการยืม-คืนหนังสือของหอสมุด ให้เป็นห้องโถงที่มีเพดานสูง เป็น Forum สำหรับจัดกิจกรรม Today at Apple ที่จะมีทั้งเซสชั่นถ่ายภาพ สร้างภาพยนตร์ เพลง การเขียนโค้ด การออกแบบ อีกทั้งยังมีส่วนใต้ดินที่ทำเป็นแกลเลอรี่แสดงภาพถ่ายและเอกสารทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับต้นกำเนิดและประวัติของอาคาร
อีกหนึ่งสาขาที่มีการปรับโฉมอาคารเก่าแก่ให้มีสีสันขึ้นมา คือ ร้านสาขา Apple Champs-Élysées สาขาที่ตั้งอยู่บนถนน Champs-Élysées ย่านการค้าสำคัญของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังของโลก อาคารนี้มีพนักงานกว่า 330 คน สื่อสารได้ทั้งหมด 17 ภาษา
สวนภายในอาคารยุค Haussmann ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็น Forum ขนาดใหญ่ หลังคาเป็นการแกะสลักเพื่อปล่อยให้แสงสว่างลอดผ่านเข้ามาได้ มีการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บฝนในตัว เพื่อเป็นแหล่งจ่ายน้ำสำหรับห้องน้ำ ต้นไม้ และกำแพงสีเขียว สะท้อนพันธกิจด้านพลังงานหมุนเวียน 100% ส่วนตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นผสมกลิ่นอายความเก่าแก่ ผนังด้านนอกของอาคารทำจากหินสีแดงเบอร์กันดี พื้นปูด้วยไม้โอ๊กฝรั่งเศส
ข้ามมาที่ประเทศญี่ปุ่น จะพาไปชมร้านค้าแห่งที่ 5 ของ Apple และใหญ่ที่สุด ในญี่ปุ่นคือ Apple Marunouchi ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจมารูโนอูจิ ตรงข้ามสถานีโตเกียว ใกล้พระราชวังอิมพีเรียล ด้านหน้าของอาคารนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่น เนื่องจากมีตู้โชว์สองชั่นทำจากอลูมิเนียมที่มีรูปลักษณ์โค้งมนสามมิติ
ภายในร้านจะพบต้นไผ่ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณกระจกทางเข้า ห้องโถงใหญ่ที่จะทำให้ผู้เข้ามาใช้บริการสามารถทดลองสินค้าได้ทั้งหมดของสินค้า Apple มีพนักงานที่สามารถสื่อสารได้ 15 ภาษา ทั้งหมดราว 130 คน ขณะเดียวกันได้ย้ายร้าน Apple Fukuoka มาอยู่ที่นี่ด้วย
นอกจากนี้มีอาคารที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดและมีเอกลักษณ์โดดเด่นอีกหลายแห่ง อย่าง Apple Fifth Avenue ในนครนิวยอร์ก เป็นร้านที่สตีฟ จอบส์ ได้เปิดร้านนี้ในปี 2006 อาคารเป็นทรงลูกบาศก์ และเป็นศุนย์กลางการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ iPhone รุ่นแรกปี 2007 และเปิดตัว iPhone11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max และ Apple Watch Series 5 ด้วย
อาคารนี้มีการปรับปรุงขยายให้กว้างขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า แต่ยังคงเอกลักษณ์ลูกบาศก์ที่ประกอบด้วยกระจกใส มีการปรับเพดานให้สูงขึ้นและรับแสงธรรมชาติได้มากขึ้น ภายในมีบันไดวนที่ทำจากสแตนเลสผสมผสานกับกระจกลักษณะเหมือนลอยอยู่ และมีลิฟต์ทรงกลม ซึ่งเป็นร้านเดียวที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
และอีกหนึ่งสถานที่คือ Apple Piazza Liberty ร้านค้าปลีกของ Apple ที่เปลี่ยนโฉมลานสาธารณะในใจกลางมิลาน ตั้งอยู่บนถนน Corso Vittorio Emanuele เป็นหนึ่งในถนนคนเดินที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เอกลักษณ์ของอาคารนี้มีน้ำพุพุ่งในอาคารกระจกใส และเป็นฉากหลังของอาคารกลางแจ้งขนาดใหญ่ บรรยากาศโดยรอบปลูกต้น Gleditsia Sunburst โดยสาขานี้เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
เมื่อเดินผ่านบันไดที่สร้างด้วยหินและโลหะแล้ว ร้านค้าจะอยู่ชั้นล่าง จะมีพนักงานให้บริการราว 230 คน โดยหลายคนมาจากร้านค้าของ Apple ทั่วโลก
นอกจากนี้ยังมีสาขา Apple ที่มีเอกลักษณ์การออกแบบที่สวยงามอีกมากมาย สามารถตามไปชมกันต่อได้ที่ www.apple.com