มอบธงหมู่บ้านภาคใต้ สลายสีเสื้อคืบหน้า 51 จังหวัด

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำนายกรัฐมนตรี เป็นประธานรับคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง 14 จังหวัดภาคใต้ และมอบป้ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนคนท้องถิ่น เรารักประเทศไทย ที่หอประชุมเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ตามคำเชิญของนายอานนท์ แสนน่าน อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันต้องการสลายสีเสื้อและหันมาร่วมงานกับรัฐบาลในการสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯตามแนวหลักเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกลุ่มทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย

โดยนายสุภรณ์ ได้กล่าวถึงนโยบายแนวทางของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล และนำสมาชิกที่มาร่วมงานประมาณ 1,000 คน กล่าวปฏิญาณตนในการที่จะ รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกันร่วมมือกันปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเดินตามแนวทางรวมไทย สร้างชาติ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายสุภรณ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า "ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนทั้ง 14 จังหวัดในภาคใต้ที่เป็นตัวแทนของคนที่รักหวงแหนแผ่นดินไทยที่เดินทางมาในวันนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน รัฐบาลได้ทุ่มเททุกสรรพกำลังโดยให้งบประมาณลงสู่พี่น้องคนไทยทุกกลุ่ม ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตโควิด ที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนตลอดระยะเวลา 5-6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯ และรัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ หาแนวทางช่วยเหลือและเยียวยาให้มากที่สุดเท่าที่จะดำเนินการได้ เพื่อให้กระทบความเป็นอยู่การดำรงชีพของประชาชนให้น้อยที่สุด

“วันนี้นายกฯมีแนวนโยบาย”รวมไทยสร้างชาติ“ เพื่อเชิญชวนคนไทยทุกกลุ่มทุกภาคส่วน มาร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนประเทศให้เดินไปข้างหน้า เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และให้ประชาชนมีอาชีพมีรายได้หมดหนี้หมดสิน การรวมกลุ่มกันของแกนนำ 14 จังหวัดภาคใต้เพื่อสลายสีเสื้อ ไม่มีความขัดแย้งกัน เพื่อความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ถือเป็นเรื่องที่ดี รัฐบาลจึงสนับสนุนในการส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตามแนวทางพระราชดำริทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เกษตรมีอาชีพมีรายได้ อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตลอดไป” นายสุภรณ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้แกนนำ นปช.ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด และภาคอีสาน 20 จังหวัด ได้พร้อมใจกันคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง เพื่อเข้าร่วมหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทย โดยการเดินสาย 3 ภาคที่ผ่าน มีหมู่บ้านเสื้อแดงจำนวน 51 จังหวัดคืนป้ายหมู่บ้านผ่านนายสุภรณ์

เปิดตัวพรรค‘ไทยเพื่อไทย’

วันเดียวกันนี้ ที่โรงแรม เค.อาร์. อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชรินทร์ หาวินไสล หัวหน้าพรรคไทยเพื่อไทย แถลงข่าวการจัดตั้งพรรค พร้อมทั้งเปิดตัวคณะทำงาน โดยมีสมาชิกพรรค และผู้สนับสนุน มาให้กำลังใจ โดยมีโลโก้พรรคเป็นรูปตัว T ด้านใต้ฐานเป็นรูปคันไถ ตัว T ใช้พื้นสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำจังหวัดนครราชสีมา โดยมีสโกแกนว่า “เกษตรชล คู่คนโคราช เราจะทำเพื่อเกษตรกรและประชาชนชาวไทย เพราะเราคือคนไทย

นายชรินทร์ ชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ในการมีส่วนพัฒนาประเทศชาติและช่วยเหลือประชาชน โดยระบุว่าจะเป็นพรรคการเมืองรูปแบบใหม่ ไม่ทะเลาะกับใคร โดยนโยบายหลักของพรรคจะเน้นด้านเกษตร

ส่วนชื่อพรรคไทยเพื่อไทย ที่ถูกมองว่าไปอิงกับนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่นั้น ตนขอยืนยันว่า พรรคของเราไม่ได้เป็นนอมินี แต่ตนถือว่าเราคือคนไทย ต้องการช่วยเหลือคนไทยเพื่อคนไทย จึงชื่อพรรคไทยเพื่อไทย และการจดแจ้งพรรคก็ถูกต้องเรียบร้อยหมดแล้ว ที่ทำการพรรคใหญ่อยู่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา จากนี้ไปต้องหาคณะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ตามมติของ กกต.ก่อนไม่ต่ำกว่า 500 คนแล้วจะมีการประชุมจัดตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคอย่างเป็นทางการ และส่งให้ กกต.เสร็จแล้วก็จะเริ่มหาสมาชิกพรรคต่อไป

ซ่อมปากน้ำมี 2 เรื่องร้องเรียน

ทางด้านการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 วันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค.2563 โดยในวันที่ 8 ส.ค.นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจเยี่ยมการรับวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในวันเลือกตั้ง ณ ที่ทำการ อบต.บางเสาธง อ.บางเสาธง อ.บางบ่อ และ อ.บางพลี

ประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ว่า กกต.มีขั้นตอนการดำเนินการ และกลไกในการติดตามตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้ง ตามกฎหมายใหม่โดยมีการตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งจำนวน 6 คนและมีผู้ช่วยท่านละ 1 คน จะลงพื้นที่ดูแลติดตามสอดส่องการกระทำทุจริต พร้อมทั้งมีชุดเคลื่อนที่เร็วของ กกต. 3 ชุด ร่วมหาข่าว

ส่วนกรณีร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตการเลือกตั้ง นายอิทธิพร กล่าวว่า ขณะนี้มีการร้องเรียน 2 เรื่อง คือ 1.ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.รายหนึ่ง ให้ข้อมูลต่อ กกต.ว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์ ได้เผยแพร่ละครซึ่งมีผู้สมัคร ร่วมแสดง ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบนั้น ทางกกต.ได้มีหนังสือแจ้งและระงับการออกอากาศไปแล้ว

2. ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. ได้แจ้ง มายัง กกต.ว่า มีได้มีการนำผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนไปเผยแพร่ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ ทางสำนักงานกกต.กำลังพิจารณาว่า ควรจะรับคำร้องไว้หรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาแล้วว่าไม่รับคำร้องก็จะต้องส่งต่อให้ กกต.ชุดใหญ่พิจารณาอีกครั้ง

พร้อมกันนี้ นายอิทธิพร กล่าวเชิญชวนประชาชนหากท่านใดมีเบาะแส พบการกระทำการทุจริตเลือกตั้ง ให้แจ้ง กกต.กลางหรือ กกต.พื้นที่ โดยเฉพาะหากมีพยานหลักฐานก็จะเป็นเบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนไต่สวนอย่างยิ่ง