2 องค์กรกลับลำคดีบอส อสส.สั่งตั้งคดีใหม่-ตร.รับพบตำรวจกระทำผิด
“อัยการสูงสุด” สั่งพนักงานสอบสวนตั้งคดี “บอส อยู่วิทยา” สอบใหม่ ขีดเสร็จ 20 ส.ค. พุ่งปมความเร็ว-เสพโคเคน เรียก “สธน-สามารถ” วิเคราะห์ความเร็ว ผลสอบชุดตำรวจถึงมือผบ.ตร. 13 ส.ค.นี้ แย้มพบตำรวจกระทำผิด ด้าน “ศรีสุวรรณ” ร้อง ก.อ.สอบวินัย “เนตร นาคสุข”
วานนี้ (10 ส.ค.) นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดี นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา กรณีขับรถชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต เมื่อปี 2557
นายอิทธิพร กล่าวว่า ภายหลังจากพนักงานอัยการได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายวรยุทธดังกล่าวแล้ว ได้ปรากฏข้อเท็จจริงทางสื่อมวลชนอย่างแพร่หลายว่า มีผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นเกี่ยวกับอัตราความเร็วในการขับรถของนายวรยุทธ แตกต่างจากอัตราความเร็วที่ใช้เป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณาความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ปรากฏข้อเท็จจริงจากคำให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชนดังนี้
1.ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นผู้คำนวณความเร็วรถยนต์ที่นายวรยุทธขับ ได้ความเร็ว 177 กม./ชม.
2.ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้คำนวณความเร็วรถยนต์ของนายวรยุทธขับได้ความเร็ว 126 กม./ชม.
“ดังนั้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเร็วของรถยนต์ ที่นายวรยุทธขับในขณะเกิดเหตุ จึงเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ และสามารถทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาที่ 1 ได้ ถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ควรสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคดีต่อไป ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147”
3.ให้สอบสวนนายกฯสภาวิศวกร หรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นพยานในประเด็นว่า ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ขาดต่อใบอนุญาตจริงหรือไม่ การขาดต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกร จะมีผลต่อการทำเอกสารรับรองการคำนวณความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธขับมากน้อยเพียงใด การคำนวณความเร็วของรถยนต์มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้ยังปรากฏว่าผลการตรวจร่างกายของนายวรยุทธ พบสารโคเคน ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 คดีจึงมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ 1 ในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคน) เข้าสู่ร่างกาย โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แต่พนักงานยังไม่ได้ดำเนินคดีข้อหานี้กับนายวรยุทธ
“คณะทำงานจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายวรยุทธ เป็นคดีใหม่ต่อไปตามกฎหมาย โดยคณะทำงานได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าวโดยด่วน และให้จัดส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมภายในวันที่ 20 ส.ค. 2563 นี้”
ผลสอบชุดตำรวจถึงมือผบ.ตร.13ส.ค.
ขณะที่ พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้ดุลพินิจข้าราชการตำรวจ กรณีไม่เห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ เรียกประชุมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีการทำคดีในความรับผิดชอบของตำรวจโดย ในจะเป็นการสรุปผลการตรวจสอบในภาพรวม ก่อนนำเสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ซึ่งคาดว่าไม่เกินภายในวันที่ 13 ส.ค. นี้
ทั้งนี้จะใช้เวลาในการหารือในที่ประชุมไม่เกิน 2 วัน เพื่อสรุปความเห็นในประเด็นต่างๆ ที่เคยได้วางแนวทางไว้ จากนั้นจะเสนอความเห็นไปยัง ผบ.ตร. พิจารณาสั่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด
พบตำรวจทำผิด-เพิ่มพูนไม่ส่งเอกสาร
อย่างไรก็ตามมีหลายประเด็นในรายละเอียดขอเวลาให้คณะกรรมการประชุมก่อน เบื้องต้นพบผู้กระทำความผิดบางส่วน แต่จะผิดมากน้อยเพียงใด ขอให้รอผลการสรุปของที่ประชุมก่อน ขณะที่วันนี้ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยังไม่ส่งเอกสารชี้แจงให้คณะกรรมการ แต่ยังพอมีเวลาตรวจสอบได้ทันก่อนสรุปผลแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ของดไม่ให้สื่อมวลชนบันทึกภาพในห้องประชุม เนื่องจากมีบอร์ดแสดงข้อมูลไทม์ไลน์เหตุการณ์ จำนวน 14 บอร์ด ที่คณะกรรมการเตรียมเสนอให้ ผบ.ตร. ตรวจสอบก่อน โดยหากผ่านการพิจารณาแล้วจะมีการแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกับสังคมได้ภายในไม่เกิน 3 วัน
ปูดพฐ.แย้งสูตรคำนวณความเร็วไม่ทัน
รายงานแจ้งว่า เมื่อช่วงต้นปี 2559 ผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้รู้จักกับรศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม พร้อมแจ้งว่ารศ.ดร.สายประสิทธิ์ มีวิธีคิดคำนวณอัตราความเร็วรถยนต์นายวรยุทธ โดยระบุผลการคำนวณความเร็วของรถยนต์มีค่าเท่ากับ 79 กม.ต่อชม. ซึ่งแตกต่างกับวิธีคำนวณของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ที่คำนวณออกมาได้ 177 กม.ต่อชม. แต่ขณะนั้นทางกองพิสูจน์หลักฐาน ยังไม่พบข้อบกพร่องในการคิดคำนวณของรศ.ดร.สายประสิทธิ์
อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวสร้างความกดดันให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเป็นอย่างมาก ที่ทางผู้บังคับบัญชาสั่งให้พิจารณาทบทวนเรื่องความเร็ว เนื่องจากวิธีคำนวณของรศ.ดร.สายประสิทธิ์ เป็นวิธีที่กองพิสูจน์หลักฐานไม่เคยใช้คำนวณมาก่อน จึงนำกลับมาคำนวณกันใหม่พบว่าการคำนวณของรศ.ดร.สายประสิทธิ์ ไม่ถูกต้อง จึงได้ประสานไปยังพนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อ
ทั้งนี้เพื่อยืนยันผลการคำนวณของกองพิสูจน์หลักฐาน และมีความต้องการที่จะแก้ไขคำให้การเรื่องความเร็วรถยนต์ของนายวรยุทธ ตั้งแต่ช่วงต้นของการทำคดี แต่ทางพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ แจ้งว่าคดีขับรถเร็วขาดอายุความไปแล้ว ทางอัยการรับฟ้องไม่ได้แล้ว
ศรีสุวรรณยื่นก.อ.ฟันวินัย“เนตร นาคสุข”
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า จากกรณีที่นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ได้ออกมาเปิดเผยและทำหนังสือบันทึกข้อความถึงอัยการสูงสุด 6 ข้อ ยืนยันคำสั่งของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ไม่ฟ้องนายวรยทุธ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากที่นายพงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อดีตอัยการสูงสุด เคยมีคำสั่งยุติการร้องขอความเป็นธรรมไปเเล้ว
ด้วยเหตุดังกล่าว ตนจึงจะนำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ที่จะมีการประชุมกันในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ 2553 ม.30(8) เพื่อดําเนินการทางวินัยนายเนตร และการสั่งให้ข้าราชการฝ่ายอัยการคนดังกล่าวออกจากราชการ โดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันที่ 11 ส.ค. เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ
“วิษณุ”เปิดโอกาสปฏิรูปกฎหมาย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ระบุว่าการร้องขอความเป็นธรรมกับการอำนวยความยุติธรรมคดีนายวรยุทธ ถูกนำมาเป็นเหตุผลถ่วงคดี จึงเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า นายบวรศักดิ์ ปรารภในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบอัยการ และนายเข็มชัย ชุติวงศ์ ในฐานะประธานคณะทำงานการตรวจสอบตำรวจ ซึ่งจะต้องเสนอกรรมการชุดใหญ่ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน หากเห็นชอบและส่งมาที่รัฐบาลก็จะมีน้ำหนักให้รัฐบาลเพื่อพิจารณา
ทั้งนี้การพิจารณาเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมต้องฟังความเห็นของคณะทำงานด้วย ไม่ใช่โหนกระแสแต่ทุกฝ่ายคิดกันมานาน แต่ถ้าไม่มีกรณีศึกษาเกิดขึ้นจะเหมือนตีตนไปก่อนไข้ พูดไปก็ยังไม่มีใครเชื่อ เมื่อมีกรณีเกิดขึ้นจะขับเคลื่อนง่าย การปฏิรูปทุกอย่างบนโลกนี้จะเกิดขึ้นยาก นอกจากจะมีตัวเร่ง
“สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่พูดเรื่องปฏิรูประบบราชการเกิดขึ้น เพราะประเทศไทยเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ จึงรู้สึกว่ามีแรงกดดัน วันนี้พูดถึงการปฏิรูปเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถือว่าวิกฤตเป็นโอกาส” นายวิษณุ กล่าว.