ป.ป.ส. ขายทอดทรัพย์สินคดียาเสพติดกว่า 1,700 รายการ ที่ดิน-ทองคำ-วัตถุมงคล-รถยนต์
ป.ป.ส. ขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดจากผู้กระทำความผิดคดียาเสพติดเดือนสิงหาคมนี้กว่า 1,700 รายการ ที่ดิน-ทองคำ-วัตถุมงคล-รถยนต์ นำเงินสนับสนุนการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า ในเดือนสิงหาคม 2563 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้กำหนดขายตลาดทรัพย์สินที่ยึดได้จากคดียาเสพติด จำนวนกว่า 1,700 รายการ ประกอบด้วย ทองรูปพรรณ เครื่องประดับ วัตถุมงคล ยานพาหนะ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือสื่อสาร ณ สำนักงาน ป.ป.ส. ดินแดง และสำนักงาน ปปส. ภาคทั่วประเทศ
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้สำนักงาน ป.ป.ส. ต้องหยุดการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดจากผู้กระทำความผิดคดียาเสพติดไปชั่วคราว ซึ่งขณะนี้สถานการณ์แพร่ระบาดได้ลดลงและอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้แล้ว จึงจะเริ่มดำเนินการขายทอดตลาดอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม 2563 โดยสามารถขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ไม่เหมาะสมที่เก็บรักษาไว้ 272 รายการ เป็นเงิน 19.7 ล้านบาท และขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (กองทุน ป.ป.ส.) 229 รายการ เป็นเงิน 6.9 ล้านบาท ซึ่งในการขายทอดตลาดได้มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่เชื้ออย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ไม่เหมาะสมกับการเก็บรักษาไว้ไปกว่า 1,620 รายการ มูลค่าราว 93 ล้านบาท และทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนกว่า 1,900 รายการ มูลค่าราว 84 ล้านบาท
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวต่ออีกว่า การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดียาเสพติดนั้น นอกจากมีบทลงโทษขั้นสูงสุด คือการประหารชีวิตแล้ว ทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติด รวมถึงทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกยึด จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทรัพย์สินและการไต่สวนของศาล และเมื่อศาลมีคำพิพากษาให้ริบทรัพย์ที่ยึดหรืออายัดไว้ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินซึ่งตกเป็นของกองทุนฯ จะถูกนำมาใช้ในการสนับสนุนการป้องกัน ปราบปราม การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ติดยาเสพติด โดยในปีงบประมาณ 2563 ได้สนับสนุนโครงการต่างๆ ไปแล้วกว่า 38 โครงการ เป็นเงินมูลค่ากว่า 320 ล้านบาท
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้ายว่า ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องเร่งด่วน รวมถึงแนวนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ได้สั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยการตัดวงจรทางการเงินของเครือข่ายค้ายาเสพติด มุ่งขยายผลการจับกุมไปสู่การยึดทรัพย์สินให้มากขึ้น สำนักงาน ป.ป.ส.ได้เร่งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงสามารถนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางอื่นต่อประเทศชาติได้
อย่างไรก็ตาม ประการสำคัญ คือ การแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างแท้จริงนั้น รัฐบาลและทางราชการต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากพี่น้องประชาชน ที่จะช่วยกันดูแลเอาใจใส่ไม่ให้สมาชิกในครอบครัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันในขั้นต้น และช่วยลดจำนวนผู้ติดยาเสพติดในประเทศลงได้
หากพบผู้ที่มีพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือต้องการปรึกษาเรื่องการส่งผู้ติดยาเสพติดซึ่งถือเป็นผู้ป่วยเข้าสู่การบำบัดรักษา สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง