'ดอน' ตอกกลับองค์กร ตปท. ไม่เคยใช้ความรุนแรงม็อบเด็ก
"ดอน ปรมัตถ์วินัย" ซัดองค์กรตปท.อย่าจุ้นกิจการภายในไทย ย้ำไม่เคยใช้ความรุนแรงม็อบเด็ก
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ส.ค. 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการชุมนุมของนักศึกษาที่ขยายวงไปถึงเด็กมัธยมแล้ว ว่า ต้องถามก่อนว่า นักเรียนนักศึกษาเหล่านี้เขาประท้วงเรื่องอะไร เพราะถ้าบอกว่าเป็นเรื่องของการเมือง ก็ต้องบอกว่า เรามีสภาผู้แทนราษฎร เป็นเวทีที่จะพูดคุยเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และถือเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในขณะนี้ที่เราต้องเจอกับปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 และตอนนี้เราก็พยายามที่จะฟื้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-10 ให้ได้
“ปัญหาเศรษฐกิจในบ้านเราจะฟื้นได้ดีก็ต่อเมื่อไม่มีปัญหาแทรกซ้อนอื่น ๆ ถ้าจะมีปัญหาการเมืองก็ไปทำในสภา การที่มาชุมนุมหรือมาทำที่อื่น มันก็ไม่ได้ช่วยให้เรามีสมาธิในการทำงาน ไม่มีมีกำลังใจ หรือไม่มีโอกาสที่จะทำให้ปัญหาเศรษฐกิจมันฟื้นขึ้นมา แต่ในสภาฯ จะว่าหรือจะเหน็บแนมกันแค่ไหน มันก็มีกลไกที่จะรองรับของมันอยู่”นายดอน กล่าว
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีองค์กรต่างประเทศหลายองค์กร ออกมาติงรัฐบาล ว่าไม่ควรทำอะไรรุนแรงกับบรรดาเด็ก นิสิต นักศึกษา นายดอน กล่าวว่า เราไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับเด็กไทยอยู่แล้ว หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ไทย ก็ไม่เคยทำอะไรรุนแรง ที่ผ่านมา ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็เอาใจใส่ลูกหลานทุกคน
“เสียงที่ออกมาจากต่างประเทศนั้น เป็นเสียงที่ออกมาจากประสบการณ์ของเขา ซึ่งผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือ เขาไม่ต้องมาพูดในเรื่องเหล่านี้ เพราะเป็นเรื่องภายในของเรา เรามีวิธี ที่จะดูแล หรือหาทางออก หรือจัดการกันเองได้”รมว.ต่างประเทศ กล่าว
เมื่อถามว่า เมื่อช่วงเช้ามีสื่อต่างประเทศ สอบถามนายกฯ กรณีที่มีเด็ก ๆ เรียกนายกฯ ว่าเป็นนายกฯ เผด็จการ นายดอน กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวไทย ต้องไปบอกผู้สื่อข่าวต่างประเทศเหล่านั้น ว่า “เฮ้ ยู ไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์สำหรับยูมากกว่าดีกว่า”
รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า เราต้องช่วยกัน คนเหล่านี้เขาก็พยายามที่จะสร้างประเด็น ตั้งคำถามโน่นนี่นั่น แต่พวกเราก็รู้ดีว่า บ้านเมืองเราเป็นบ้านเมืองที่สงบสุขดีอยู่แล้ว มีระบบการจัดการอยู่แล้ว มีกลไกทางการเมืองที่จะดูแลปัญหาทางการเมืองอยู่แล้ว
"อย่าปล่อยให้คนชาติอื่นมาปั่นป่วน มาสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองเราเกิดปัญหา เราต้องเข้าใจจุดนี้ เราถึงจะมีสมาธิ มีเวลาในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้"รมว.ต่างประเทศ กล่าว