'จักรทิพย์' สั่งเข้มบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหา 'วันหยุด' 4-7 ก.ย.นี้
"จักรทิพย์" สั่งกองบัญชาการทุกภาค อำนวยความสะดวก-ดูแลการจราจร "วันหยุดยาว" 4-7 ก.ย.นี้ และเส้นทางพิเศษ เพื่อระบายรถ ย้ำให้บังคับใช้กฎหมายเข้มงวด 10 ข้อหาหลัก
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.63 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้วันศุกร์ที่ 4 ก.ย.63 และ 7 ก.ย.63 เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษ เพื่อชดเชยวันหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเป็น "วันหยุด" ราชการต่อเนื่อง 4 วัน นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงเป็นใยพี่น้องประชาชน ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในต่างจังหวัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและมุ่งเน้นให้ลดการเกิดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีความห่วงใยประชาชนที่เดินทางในห้วง "วันหยุดยาว" อีกทั้งเป็นช่วงหน้าฝนถนนเปียกลื่น จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กำกับดูแล กองบัญชาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อำนวยความสะดวกและดูแลการจราจรแก่พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเน้น ให้อำนวยความสะดวกการจราจรและจัดระเบียบการจราจรตามเส้นทางหลัก เส้นทางรอง ตลอดทุกเส้นทางที่พี่น้องประชาชนใช้สัญจรกลับภูมิลำเนา
พร้อม กำหนดให้มีการเปิดเส้นทางพิเศษ(Reversible lane) เพื่อระบายรถขาขึ้น-ขาล่อง พร้อม จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยดูแลการจราจรในเส้นทางเข้า-ออก จุดที่พี่น้องประชาชนเข้าไปใช้บริการอย่างหนาแน่น อาทิ สถานีขนส่ง หมอชิต สายใต้ สนามบินดอนเมือง หรือปั๊มน้ำมันที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก และมีการประสานคืนพื้นผิวจราจรที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่ก่อให้เกิดปัญหารถติดขัดสะสม ประกอบกับ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ตามมาตรการใน 10 ข้อหาหลัก (10รสขม), ตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ พร้อม นำฐานข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุที่ผ่านมากำหนดจุดเสี่ยง เพื่อกำหนดมาตรการในการตั้งจุดตรวจ ตลอดจน ตรวจสอบรถบัส รถตู้โดยสารสาธารณะ จะต้องได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก มีป้าย มีการเสียภาษี มีเส้นทางการวิ่งที่ชัดเจน วิ่งในความเร็วที่กำหนด โดยพนักงานขับรถต้องได้รับอนุญาตขับขี่ มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ มีจำนวนพนักงานที่เพียงพอ พักผ่อนเพียงพอ ไม่ขับรถขณะเหนื่อยล้า เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ จัดชุดสายตรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ทหาร ออกตรวจสถานีขนส่ง ท่ารถโดยสารสาธารณะ เพื่อกำกับดูแลและตรวจสอบการขนส่งผู้โดยสารที่เป็นการขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยต้องมีการจัดระบบ และระเบียบต่าง ๆ และลดความแออัดของผู้โดยสาร ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ตลอดจน ประชาสัมพันธ์สร้างการตระหนักรู้ ลดความเสี่ยงจากการขับรถเร็วและ เมาแล้วขับ เสริมสร้างและรณรงค์รักษาวินัยจราจร ส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายจราจร และ ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ลงไปกำกับดูแล ด้วยความทุ่มเทเสียสละ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและเป็นแบบอย่างที่ดีกับประชาชน
ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนที่จะเดินทางใช้รถใช้ถนนให้ปฏิบัติตามกฎจราจร และคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจรเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้ง ขอให้พี่น้องประชาชนศึกษาเส้นทาง ตรวจเช็คสภาพรถ เครื่องยนต์ ก่อนออกเดินทาง เพราะหากเครื่องยนต์ สภาพรถมีปัญหา จะทำให้การจราจรติดขัดมากขึ้น และพี่น้องประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเส้นทางการจราจร หรือสามารถแจ้งอุบัติเหตุ ขอความช่วยเหลือรถเสีย ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขสายด่วน 1197 หรือในส่วนภูมิภาคได้ที่ตำรวจทางหลวง สายด่วนหมายเลข 1193 หรือ ผ่านแอพพลิเคชั่น POLICE I LERT U ไลน์แอพพิเคชั่น @highway1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง