รมว.ศธ .ลั่นบ่ายสามไม่ใช่ดีเบตนักเรียน
รมว.ศธ.ยันไม่ดีเบตนักเรียน แจงความเห็นสอดคล้องแผนปฎิรูปศธ.พร้อมพูดคุยรับฟังความคิดเห็นบ่าย3นี้ ขณะที่ข้อเรียกร้องของนร. ระบุมีหลายเรื่องดำเนินการไปแล้ว แต่หลายเรื่องต้องใช้เวลา ย้ำหากร้องให้ออกจากตำแหน่งเท่ากับคุกคามศธ. ลั่นมีแนวทางการแก้ไขทุกเรื่อง
วันนี้ (5 ก.ย.2563) เวลา 10.00น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) ได้แถลงข่าวความคืบหน้าการทำงานของ ศธ.หลังจากที่รับข้อเรียกร้องจากนักเรียน และการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากครู ผู้อำนวยการโรงเรียนต่างๆ ก่อนที่จะมีการดีเบตร่วมกับกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาและองค์กรนักเรียน 50 โรงเรียนทั่วประเทศในนาม “นักเรียนเลว” ในเวลา 15.00 น. ว่า ศธ.ได้มีการรวบรวมถึงข้อเรียกร้องจากนักเรียนและผู้ที่มาเข้าพบ ซึ่ง95% สามารถสรุปได้ดังนี้ ทรงผมนักเรียน การแต่งกาย หลักสูตรที่ไม่ทันสมัย ทันโลก การเปิดช่องทางแสดงความคิดเห็น ภาระของครูที่มีมากเกินไป การยกเลิกการสอบ O-Net การคุกคามทางเพศในโรงเรียน ความหลากหลายทางเพศในโรงเรียน การเพิ่มการเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาที่สาม ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่าในส่วนของข้อเรียกร้องต่างๆ นั้นมีความสอดคล้องกับแนวทางการทำงานและการปฎิรูปการศึกษาในหลายเรื่อง เช่น เรื่องของการพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัยซึ่งอาจจะไม่เหมือนกับอารยประเทศอย่างที่นักเรียนเสนอ เพราะต้องเป็นไปตามบริบทของประเทศไทย และสวัสดิการหรือจำนวนของนักเรียนในแต่ละประเทศก็ไม่เท่ากัน นอกจากนั้นในเรื่องของภาระงานครูที่มีมากเกินไป ได้มีปลดล็อคในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับเรื่องของทรงผมที่ได้ปลดล็อกไปแล้ว แต่ในบางเรื่องก็ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ อาทิ ยกเลิกการแต่งกาย คงไม่สามารถทำได้ในยุคที่ตนเองเป็นรมว.ศธ. เนื่องจากขณะนี้ทุกประเทศทั่วโลกก็ยังคงมีการใส่ชุดยูนิฟอร์ม และการใส่ชุดยูนิเฟอร์เป็นคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียน เพราะการใส่ชุดนักเรียนจะทำให้ทุกคนรู้ว่าเป็นนักเรียนและจะดูแลเรื่องความปลอดภัยได้
นอกจากนั้น ทางศธ.ทั้งกระทรวง รวมถึงผู้บริหารศธ. ผู้บริหารสถานศึกษาและครู ได้มีการนำข้อเสนอของนักเรียนบางข้อมาดำเนินการทันที เช่น เรื่องของการคุกคามทางเพศ ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศกระทรวงศึกษาธิการ (ศคพ.) และได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงทุกกรณีที่ได้รับข้อร้องเรียนมาจากทุกภาคส่วน โดยได้มีการให้ครู 15 คนที่กระทำผิดดังกล่าวออกจากราชการแล้ว และเรื่องนี้มีการดำเนินการอย่างรวดเร็วมากขึ้น
ส่วนกรณีที่นักเรียนเรียกร้องเรื่องความหลากหลายทางเพศในโรงเรียนนั้น ตอนนี้ประเทศไทยมีพ.ร.บ.ชีวิตคู่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และศธ.กำลังจะดำเนินการ เช่นเดียวกับการยกเลิกโอเน็ตที่ต้องยอมรับว่าตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมเกิดขึ้น เพราะโรงเรียนแต่ละแห่งเปิดปิด เรียนไม่เท่ากัน ดังนั้น การจะใช้ข้อสอบแบบเดียวมาวัดเด็กคงไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้กำลังจะประชุมหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรในสัปดาห์หน้า เป็นต้น
"ในช่วงบ่ายที่นักเรียนจะมาดีเบต หรือโต้วาทีนั้น คงไม่ได้เป็นการโต้วาทีกับเด็ก เนื่องจากผมมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกับเด็กและเป็นแนวทางในการปฎิรูปการศึกษา ดังนั้น หากนักเรียนมาผมก็พร้อมที่จะรับความคิดเห็น และหากนักเรียนบอกว่าถ้าผมทำตามข้อเสนอไม่ได้ ควรออกจากตำแหน่งนั้น ผมมองว่าเรื่องนี้เป็นการคุกคามผมและคนในกระทรวงศึกษาธิการ เพราะที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ศธ.ได้มีการดำเนินการและแก้ปัญหาในหลายเรื่อง และหากจะให้ออกก็คงต้องออกทั้งกระทรวง ผู้บริหารต้องออกหมด ส่วนที่บอกว่าทำไมอดีตถึงสามารถออกมาเรียกร้องได้นั้นแต่ตอนนี้ทำไม่ได้ จริงๆ ตอนนี้ก็มีการออกมาแสดงความคิดเห็นมากมาย และมีช่องทางในการแสดงออกไป ซึ่งในอดีตไม่เป็นแบบนี้" นายณัฎฐพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่มีสถานศึกษาไม่ให้นักเรียนแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในโรงเรียน ซึ่งจากข้อมูลมีประมาณ 109 โรงเรียน หลังจากนี้จะไม่มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะได้มีการทำความเข้าใจกับครู นักเรียน และผู้ปกครองเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้ก็ไม่มีการรายงานว่ามีโรงเรียนไหนคุกคามไม่ให้นักเรียนแสดงออกเชิงสัญลักษณ์