ซักฟอก 'เรือดำน้ำ' 9 ก.ย. จ่อเปิดข้อมูล 3 ลำ 'จีทูจีเก๊'

ซักฟอก 'เรือดำน้ำ' 9 ก.ย. จ่อเปิดข้อมูล 3 ลำ 'จีทูจีเก๊'

“ยุทธพงศ์” ลั่นอภิปรายรัฐบาล 9 ก.ย. ลุยซักฟอก “เรือดำน้ำ” ทร.ส่อจีทูจีเก๊ตั้งแต่ลำแรก เหตุไม่ใช่ลงนามรัฐบาลต่อรัฐบาล ชี้พิรุธไม่ให้หนังสือมอบอำนาจกมธ.งบฯ เตรียมเปิดข้อมูลในสภาฯ

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย วานนี้ (5 ก.ย.) กรณีที่กองทัพเรือ (ทร.) เข้าแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทกับตนว่า ทำให้ ทร.เสียหายนั้น เรื่องนี้ต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็น ตนไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่น ทร.ที่เป็นเหล่าทัพหลัก ตนให้ความเคารพ แต่สิ่งที่ตนออกมาตรวจสอบในฐานะที่ตนเป็น ส.ส. และเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณ ตนไม่ได้มีเจตนาทำลายชื่อเสียง หรือทำให้ ทร.เสียเกียรติภูมิ ขาดความเชื่อมั่นจากประชาชน ขอให้แยกกัน

แต่ตนกำลังตรวจสอบบุคลากรบางคน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยเฉพาะ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. และ พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการและโฆษก ทร.จึงขอให้แยกออกเป็น 2 ประเด็น

ยกคดีรถ-เรือดับเพลิงเทียบ

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องตรวจสอบว่าเป็นการจัดซื้อแบบจีทูจีหรือไม่ ตนเห็นว่าสิ่งที่ ผบ.ทร.และรัฐบาลดำเนินการ ไม่เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเคยตัดสินไว้กรณีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.ว่า

1.การจัดซื้อแบบจีทูจี ต้องเป็นไปตลอดเวลาที่ดำเนินการ ไม่ใช่เริ่มที่จีทูจี เริ่มต้นจากรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน แต่ระหว่างทางเป็น ผบ.ทร. กับเฮียตี๋ที่ไหนไม่รู้มาเซ็นสัญญา ถามว่าตนกลัวผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ตนไม่กลัวเพราะมีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ระบุไว้ชัด

2.การชำระเงินต้องระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลด้วยกัน ไม่ใช่บริษัทหรือองค์กร เรื่องนี้มีแนวทางพิพากษาศาลฎีกาฯอยู่แล้ว ใครเดินผิดไปจากนี้ถือว่าผิดกฎหมายหมด

และ 3.ตนมีเจตนาบริสุทธิ์ใจ รักษาผลประโยชน์ชาติ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของ ผบ.ทร.หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เพราะการจัดซื้อเรือลำแรกเริ่มจากที่ พล.อ.ประวิตร ขณะดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม

จี้ทร.ส่งหนังสือมอบอำนาจเต็ม

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนถามหาหนังสือมอบอำนาจจากรัฐบาลหรือฟูลส์พาวเวอร์ให้มาแสดง 5 รอบแล้ว แต่ ทร.ก็ไม่เคยนำหนังสือดังกล่าวมาแจงเลย แต่กลับไปแจ้งความเอาผิดตนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ดังนั้นตนต้องพิสูจน์ความจริง ปกป้องงบประมาณแผ่นดิน

“ผมคิดว่าเรื่องนี้จบไปแล้ว เพราะ ทร.ถอยยังไม่ซื้ออีก 2 ลำ และทำหนังสือแจ้งประธาน กมธ.งบประมาณว่ายอมถอย เพราะคำนึงถึงสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ไม่คิดว่าจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับผม ดังนั้นผมจึงลุกขึ้นมาต่อสู้ คุณไม่เลิก ผมก็ไม่เลิก พิสูจน์กันว่าใครของจริง ใครของปลอม เพราะ ผบ.ทร. หาเรื่องผมก่อน ไม่ยอมเลิก ผมจึงขอให้มีการตรวจสอบ”

มีหลักฐานเอกชนไม่ใช่รัฐบาลจีน

"โดย 1.เรียกร้องให้ ผบ.ทร. และ พล.อ.ประวิตร โชว์หนังสือฟูลส์ พาวเวอร์ซึ่งเป็นการเรียกร้องเป็นรอบที่ 6 แล้ว 2.ในวันที่ 9 กันยายนที่มีการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม มาตรา 152 ผมจะเอาหลักฐานเด็ด ไปแฉเกี่ยวกับการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรก ที่มีหลักฐานว่าบริษัทที่ขายไม่ใช่รัฐบาลจีน ทำให้ลำแรกจมแน่ และจะไม่ได้จ่ายเงินด้วย ที่สำคัญมีหลักฐานชัดว่า บริษัท China Shipbuilding & Offshore International (csoc) จริงๆ แล้วไม่ใช่รัฐบาลจีน ถ้าผมเปิดหลักฐานรับรองว่ารัฐบาลตกเก้าอี้แน่”

“และ 3.เมื่อผมเปิดหลักฐานในการอภิปรายดังกล่าวแล้ว ผมจะเอาคืนโดยจะไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ผบ.ทร. และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพล.อ.ประวิตร ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าการจัดซื้อดังกล่าวเป็นแบบจีทูจีหรือไม่”

"ก่อนท่านเกษียณฯ ขอท้าให้ท่านออกทีวีเดี่ยวๆ กับผมสองคน มาพิสูจน์กันว่าที่ท่านไปเซ็นสัญญานั้นเป็นจีทูจีจริงหรือไม่ ผมพร้อมติดคุก เพราะออกมาต่อสู้เพื่อประโยชน์ประเทศและประชาชน แลกกันคนละหมัด” นายยุทธพงศ์ กล่าว

“วันนอร์”ทิ้งส.ส.ดัน“ทวี”แทน

ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองของอีกพรรคฝ่ายค้าน วานนี้(5ก.ย.)มีการประชุมใหญ่ของพรรคประชาชาติ ปรากฏว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค ได้ประกาศลาออกจาก ส.ส. เปิดทางให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค เลื่อนลำดับขึ้นเป็น ส.ส.แทน ในฐานะปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 2 ของพรรค

โดยการประชุมใหญ่ของพรรคประชาชาติจัดขึ้นที่ห้องประชุมมะทา ภายในบ้านของ นายวันมูหะมัดนอร์ ในอ.เมือง จ.ยะลา โดยมีทั้งสมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ในช่วงเช้ามีการเสวนาหัวข้อเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดกับปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมี พ.ต.อ.ทวี และ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ซึ่งขณะนี้เปลี่ยนชื่อเป็น ร.ต.อ.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย รองหัวหน้าพรรค ร่วมเป็นวิทยากร

ต่อมาในช่วงบ่ายมีการประชุมใหญ่พรรค โดยก่อนการประชุม นายวันมูหะมัดนอร์ ได้ประกาศลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ และบอกว่าในวันที่ 9 ก.ย.ซึ่งจะมีการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตนจะเข้าสภาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นในวันที่ 11 ก.ย.จะยื่นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้ พ.ต.อ.ทวี เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อแทน เนื่องจากเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 2 ของพรรค

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพราะจะออกมาเคลื่อนไหวนอกสภา เพื่อทำให้พรรคประชาชาติเข้มแข็งมากกว่านี้ พร้อมยืนยันว่าจะยังไม่วางมือทางการเมือง

“อนุทิน”ยกทีมภท.สัญจรภูเก็ต

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย(ภท.) วานนี้(5ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานเปิดโครงการจัดประชุมพรรคภูมิใจไทยนอกสถานที่ หรือพรรคภูมิใจไทยสัญจร ที่ห้องประชุมโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยมีรัฐมนตรีและ ส.ส.ของพรรค สมาชิกพรรคฯ ตัวแทนผู้ประกอบการภาคเอกชน ผู้เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 และประชาชนเข้าร่วมอย่างคึกคัก

ก่อนการรับฟังปัญหาจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า แม้ ภท.ไม่มี ส.ส.ในจ.ภูเก็ต แต่วันนี้ตั้งใจมาสร้างความเชื่อมั่นและรับฟังปัญหา เพื่อให้พี่น้องชาวภูเก็ตเติบโตแข็งแรง โดยไม่ได้หวังผลประโยชน์ทางการเมือง ทราบดีว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในภูเก็ต หากรัฐบาลสามารถแก้ได้ ก็จะเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาในระดับประเทศต่อไป เพราะภูเก็ต เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สร้างรายได้หลักในแต่ละปี

รับข้อเสนอถกนายกฯรับท่องเที่ยว

“พรรคภูมิใจไทยรับผิดชอบดูแล 3 กระทรวงหลัก คือ สาธารณสุข คมนาคม ท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งสอดคล้องกับปัญหาของประเทศในวันนี้ คือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เราทุกคนต้องมั่นใจในระบบการแพทย์ของประเทศไทย เราสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดไว้ได้เป็นอย่างดี

หัวหน้า ภท.กล่าวด้วยว่า นายกฯ เสียใจมาก ที่ จ.ภูเก็ตไม่เอาเป็นพื้นที่นำร่องในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อคนภูเก็ตไม่เอาทำให้ไม่สามารถเดินต่อได้ ทั้งที่เรามีความพร้อมทุกด้าน มียาสำรองไว้ 7-8 แสนเม็ด และกำลังจะผลิตได้เอง วัคซีนก็กำลังจะผลิตได้ เราอย่าเป็นเหยื่อของความสำเร็จของเรา อยากให้ภูเก็ตและเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งเชื่อว่าถ้าเริ่มที่ภูเก็ตได้ ท่องเที่ยวจะกลับมาบูมอีกครั้ง ตอนนี้อยู่ที่คนภูเก็ตว่าพร้อมหรือไม่

ภายหลังรับฟังปัญหาต่างๆ และข้อเสนอ นายอนุทิน ยืนยันจะนำทุกประเด็นไปหารือร่วมกับนายกฯเพื่อหาทางออก