หาโอกาส 'ผลตอบแทน' ยอดเยี่ยม จากสินทรัพย์ราคาทิ้งดิ่ง
การจัดพอร์ตการลงทุนในช่วงนี้ นอกจากเลือกการลงทุนใน Mega Trend ที่พื้นฐานมีแนวโน้มเติบโตแล้ว การมองหาโอกาสลงทุนจากสินทรัพย์ที่ราคาทิ้งดิ่ง แต่มีแนวโน้มพื้นฐานที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ในรอบหลายปีที่ผ่านมาทีมลงทุนที่ผมได้มีโอกาสได้ร่วมงานด้วยเริ่มมีการใช้ Machine Learning ในการเลือกกองทุน และบ่อยครั้งกองทุนที่ถูกเลือกกลับเป็นสินทรัพย์ หรือกองทุนที่ราคาปรับลดลงรุนแรงในช่วงเวลาก่อนหน้า เช่นเดียวกับแนวทางลงทุนส่วนตัวของผมเวลาที่เลือกหุ้น ผมมักจะเริ่มต้นด้วยการดูหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมากๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเพื่อหาจุดเข้าซื้อที่ได้เปรียบ หรือ Valuation ที่ถูก จากนั้นจึงเข้าไปวิเคราะห์เชิงพื้นฐานเพื่อดูโอกาสที่หุ้นหรือกองทุนเหล่านั้นว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวหรือไม่ ซึ่งถ้าหาเจอมักจะสร้างผลตอบแทนที่ดีหลังจากเข้าลงทุน
เรามาลองดูตัวอย่างจากข้อมูลจริง ณ เดือน ก.ย.2563 กันเลย เริ่มจากกลุ่มสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
กองทุนน้ำมันให้ผลตอบแทนติดลบประมาณ 45-67%
กองทุนที่ลงทุนในกลุ่มธนาคารไทยผลตอบแทนติดลบประมาณ 33-37%
กองทุน REITs ไทยให้ผลตอบแทนติดลบประมาณ 18-25%
มาดูที่พื้นฐานของราคาน้ำมัน ปัจจุบันราคาน้ำมันกลับมาเทรดที่ประมาณ 45$ ซึ่งก็ไม่ได้ต่ำมากเหมือนช่วงวิกฤติ COVID-19 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวในช่วงนี้หลักๆ มาจากสภาพคล่องทางการเงินที่เข้ามาช่วยดันราคา หากมองในแง่อุปทานน้ำมันก็เห็นได้ชัดว่ามีล้นโลก ดูได้จากการที่หลายประเทศผู้ผลิตน้ำมันต้องทำการลดกำลังการผลิต และอุปทานจากทางฝั่งสหรัฐ ที่ยังคงมีพร้อมให้ผลิตอีกมาก ส่วนอุปสงค์น้ำมันนั้นหายไปมากทั้งจากการเดินทางที่ลดลง และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการผลิตพลังงานอย่างไฟฟ้าพลังงานลม หรือแสงอาทิตย์ รวมไปถึงกระแสการใช้รถ EV ซึ่งหลายคนเชื่อว่าในอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าน่าจะมาแทนรถยนต์น้ำมันแน่นอน
สำหรับกลุ่มธนาคารในประเทศ ถ้ามองในแง่ Valuation นั้นจัดว่าถูกมากจริงๆ โดยค่า P/BV ของธนาคารขนาดใหญ่ปรับลดลงมาเหลือเพียง 0.5 เท่า และมีระดับอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงถึง 6-8% ขณะที่พื้นฐานของธนาคารไทยได้รับผลกระทบมาจากเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มหดตัวอย่างรุนแรงจากวิกฤติครั้งนี้ ซึ่งหากดูเข้าจริงๆ แม้จะไม่ได้มีวิกฤติครั้งนี้เศรษฐกิจของไทยก็ดูไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วเมื่อเทียบกับภูมิภาค
หากดูราคาของหุ้นแบงก์ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มจะพบว่าราคาปรับลดลงไม่เยอะแล้ว เนื่องจากมีอัตราเงินปันผลที่สูงมาค้ำเอาไว้ และระดับ P/BV ที่ต่ำมากๆ ดังนั้นเราจึงควรจับตาดูปัจจัยพื้นฐานคือเศรษฐกิจของประเทศไทย ถ้ามีแนวโน้มฟื้นตัวพ้นจากเศรษฐกิจถดถอยเมื่อไหร่ ราคาหุ้นแบงก์น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวได้เยอะทีเดียว ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็นภาพการฟื้นตัวนี้ชัดเจน ถ้าจะเข้าซื้อหุ้นแบงก์ในช่วงนี้ก็จัดว่า High Risk / High Return มากทีเดียว
กลุ่มสุดท้ายที่นำมาวิเคราะห์กันในวันนี้คือกลุ่ม Property Fund & REITs ของประเทศไทย ซึ่งราคาปรับฐานเยอะที่สุดในรอบหลายปี ทำให้อัตราเงินปันผลมายืนที่ระดับ 5-6% เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% เห็นได้ชัดว่าอสังหาฯที่เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยวจะยังไม่ฟื้นตัวเร็วๆ นี้ แต่ถ้าเป็นอสังหาฯ บางกลุ่มอย่างห้างสรรพสินค้า ศูนย์แสดงสินค้า หรือออฟฟิศนั้นปัจจัยพื้นฐานเริ่มจะดูดีขึ้นบ้าง และตัวแปรสำคัญคือเรื่องวัคซีน หรือยารักษาโควิดที่น่าจะมีออกมาปลายปีนี้ ซึ่งน่าจะให้ภาคการท่องเที่ยวค่อยๆ กลับมาในที่สุด ทำให้ผู้เขียนมองว่ากลุ่ม REITs ในประเทศน่าจะมีแนวโน้มที่จะทยอยลงทุนได้ในจังหวะเวลานี้
การจัดพอร์ตลงทุนนั้น นอกจากเราจะเลือกการลงทุนใน Mega Trend ที่พื้นฐานมีแนวโน้มเติบโตแล้ว การมองหาโอกาสลงทุนจากสินทรัพย์ที่ราคาทิ้งดิ่ง แต่มีแนวโน้มที่ปัจจัยพื้นฐานฟื้นตัวก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้พอร์ตมีความสมดุล และสร้างผลตอบแทนทีดีได้ในระยะยาว