ใกล้ล่ม! 'ปชป.-ชทพ.' ทยอยถอนชื่อ แก้ รธน. ปิดสวิตซ์ส.ว.
ใกล้ล่ม 'ปชป.-ชทพ.' ทยอยถอนชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ให้อำนาจ ส.ว.ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี 'เพื่อไทย' ขอแสดงความเสียดาย
การยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกเลิกการให้ ส.ว.ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ที่นำโดยพรรคก้าวไกลและส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วน อาจจะไม่ได้รับการบรรจุเข้าสู่การประชุมรัฐสภา เนื่องจากเริ่มมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองอื่นที่เคยลงชื่อสนับสนุนไปก่อนหน้านี้ทยอยถอนชื่อ จนอาจทำให้เหลือส.ส.ที่ลงชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเหลือไม่ถึง 98 คน หรือหนึ่งในห้าของจำนวนส.ส.เท่าที่มีอยู่ของสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ทั้งนี้ มีรายงานว่ามี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างน้อย 5 คน ตัดสินใจที่จะถอนชื่อจากการยื่นญัตติครั้งนี้แล้ว ประกอบด้วย นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.มหาสารคาม นางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี นางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง
ด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การลงชื่อเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะไปลงชื่อเสนอกฎหมายได้ แต่พรรคมีมติยืนยันว่ายื่นเสนอร่างเพียงอย่างเดียวเพื่อความเป็นเอกภาพและต้องการให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถเดินหน้าได้จริง ที่สำคัญคือเป้าหมายต้องชัดเจน นอกจากแก้ไขมาตรา 256 แล้วยังต้องตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งสามารถเอาเรื่องต่างๆทั้งเรื่องจัดระบบการเลือกตั้งการกระจายอำนาจ รวมทั้งบทเฉพาะกาล ที่พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนในเรื่องนี้แล้ว เพราะเราไม่ได้เห็นชอบที่จะให้ ส.ว. มาเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเมื่อพรรคเห็นชอบให้ตั้ง ส.ส.ร. ประเด็นเหล่านี้จะไปเสนอ ส.ส.ร. เพื่อพิจารณาต่อไป เพราะแม้จะปิดสวิตซ์ ส.ว. ก็ไม่มีผลโดยตรงที่จะทำให้ ส.ว. ไปเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันข้างหน้า แต่ต้องเลือกนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งตนเข้าใจว่ากว่ารัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จก็เหมือนการปิดคัตเอ้าท์ ครั้งสุดท้ายที่ทุกฝ่ายจะเห็นร่วมกัน และส.ว. ไม่มีความจำเป็นต้องเลือกนายกรัฐมนตรี พร้อมคิดว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะตระหนักในเรื่องนี้ว่าต้องมาจากการเลือกจากประชาชนเช่นเดิม
“ส.ส. บางคนที่ไปลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคอื่นเป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่ต้องชี้แจงเหตุผลตอบคำถามต่อสังคมให้ได้ จะไม่กดดันให้ทั้ง16 คนที่ไปร่วมลงชื่อถอนชื่อจากร่างเดิมเพราะเชื่อว่าทุกคนมีวุฒิภาวะ ขณะนี้ยังมีเวลาตัดสินใจที่จะพิจารณาจุดยืนของตนเองทางการเมือง เพราะเรื่องนี้จะเป็นคำตอบต่อไปในอนาคตด้วยว่าทำไมต้องลงชื่อในเรื่องดังกล่าวในช่วงนี้ มีเหตุผลอะไร เป็นพียงกระแสหรือไม่ และหวังว่าจะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงหรือไม่ ซึ่งคำตอบเหล่านี้แต่ละคนจะต้องรับผิดชอบตนเองเพราะทุกคนถือเป็นผู้แทนประชาชน” นายชินวรณ์ กล่าว
เมื่อถามว่าต่อไปหากพรรคมีมติในเรื่องต่างๆแล้วมีส.ส.บางส่วนยึดเอกสิทธิ์ของตนเองจะมีความหมายอะไร นายชินวรณ์ กล่าวว่า มติในเชิงนโยบาย พรรคมีความชัดเจน และต้องดำเนินการ ถึงมีมาตรการที่ต้องรับผิดชอบต่อไป ซึ่งมีความรับผิดชอบในส่วน มติที่เห็นชอบร่วมกับพรรค และบางคนยืนยันชัดว่าหากแก้ มาตรา 265 และตั้ง ส.ส.ร. ได้ก็พอใจแล้วซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นมติพรรคที่ผู้บริหารจะต้องไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ส่วนตัวนักการเมืองคนนั้นต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ระบุว่า ถ้ามีการถอนชื่อจริงก็เสียดาย เพราะเราเอาใจช่วยให้พรรคก้าวไกลเซ็นชื่อได้ครบ ทั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้ายื่นมาตรา 262 ประกบเพื่อให้ได้น้ำหนัก ส่วนจะเซ็นชื่อช่วยหรือไม่นั้น ในการประชุมส.ส. พรรคเพิ่อไทยเมื่อวาน (8ก.ย.) ไม่มีการพูดเรื่องนี้ ซึ่งหากจะช่วยต้องทำการขอมติพรรคก่อน อย่างไรก็ตามเราไม่อยากให้มีการถอนชื่อ
เมื่อถามว่า เหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงเปลี่ยนใจยื่นแก้มาตราม 272 เพื่อปิดสวิตซ์ส.ว. ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกกว่ายังไม่ถึงเวลา นายสุทิน กล่าวว่า เราประเมินสถานการณ์มาโดยตลอด การแก้รัฐธรรมนูญเราหวังเอาจริง คิดว่าจังหวะไหนทำได้ก็ทำ ถ้าจังหวะไม่ใช่ก็จะดึงไว้ก่อน อย่างไรก็ตามสัญญาณจากส.ว. และสังคมมีแนวโน้มว่าเป็นไปได้ จึงใช้โอกาสนี้ยื่นแก้ ซึ่งเราฟังความต้องการของผู้ชุมนุม นิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่มีความประสงค์อยากให้เรายื่น ฉะนั้นตามเหตุผลดังกล่าวจึงคิดว่าต้องยื่น
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มองว่าแรงกดดันจากการชุมนุมยังไม่สามารถทำให้การแก้ไขเกิดขึ้นได้ นายสุทิน กล่าวว่า วันนี้แรงกดดันจากผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งทำให้ ส.ว.มีท่าทีเปลี่ยนไป และน่าจะมีแรงกดดันและแรงจูงใจนอกจากผู้ชุมนุมอีก จึงมีความชัดเจนว่าจะเป็นไปได้และเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี ส่วนจะมั่นใจแค่ไหนเพราะขณะนี้เสียงส.ส. ก็ยังแตกกันอยู่ ตนไม่มั่นใจถึง 100% แต่มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น และประเมินไว้ว่าเมื่อถึงวันอภิปรายจริงๆ เราเห็นสัญญาณที่เป็นบวกมากขึ้น
ส่วน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงประเด็นที่ นายจุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ไปร่วมลงชื่อในญัตติของพรรคก้าวไกลว่า ขณะนี้นายจุลพันธ์ ได้ถอนรายชื่อออกจากญัตติดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนสั่งแต่เขาทำด้วยความสมัครใจ เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาทำงานเป็นทีม โดยนายจุลพันธ์ ลงชื่อไปเพราะเห็นแก่เพื่อน เห็นแก่พรรคพวก แต่เมื่อได้ทำความเข้าใจกันแล้วว่าเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และเอกลักษณ์ของพรรคชาติไทยพัฒนานั้น เราอยู่กันเป็นทีม เราทำงานเป็นทีม เวลาใครทำเรื่องดีๆให้เกิดขึ้นก็ถือเป็นเครดิตของพรรค เวลาใครทำเรื่องที่เป็นปัญหาก็จะเป็นปัญหาของพรรคเช่นกันดังนั้น เมื่อทำความเข้าใจแล้วเจ้าตัวจึงได้ถอนชื่อ และตนต้องขอขอบคุณในความมีสปิริทของนายจุลพันธ์ ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีจุดยืนเช่นเดียวกับร่างของรัฐบาล