กูรูเงินดิจิทัลแนะภาคธุรกิจ สร้าง‘ไซเบอร์ซีเคียวริตี้’ ป้องแฮกเกอร์สายดาร์ก
กูรูเงินดิจิทัล แนะภาคธุรกิจให้ความสำคัญระบบ “ไซเบอร์ซีเคียวริตี้” สกัดแฮกเกอร์สายดาร์ก ล้วงข้อมูล เรียกค่าไถ่แลกบิทคอยน์ ย้ำโอน บิทคอยน์ แกะรอยได้ แต่ไม่สามารถระบุตัวตน เหตุการซื้อขายเงินดิจิทัลในบางตลาดไม่ได้ถูกกำกับโดยทางการจึงไม่มีระบบยืนยันตัวตน
กรณีเฟชบุ๊ก โรงพยาบาลสระบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด ได้ออกประกาศว่าระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลขัดข้อง ส่งผลต่อการบริการที่ล่าช้า เนื่องจากโดน Ransomware แฮกข้อมูลคนไข้ เพื่อเรียกค่าไถ่ เป็นบิทคอยน์
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งเว็บซื้อขายเงินดิจิทัล Bitkub.com หรือ บิทคับ เปิดเผยว่า ถ้าองค์กรที่ถูกแฮกข้อมูลไม่จ่ายค่าไถ่ กลุ่มแฮกเกอร์สายดาร์ก มักจะนำข้อมูลไปขายกันในตลาดมือในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลที่ยังผิดกฎหมาย ไม่ได้ถูกกำกับโดยทางการ และวอลเลตไม่ได้มีระบบยืนยันตัวตนโดยสถาบันการเงิน ดังนั้นมีแค่อินเทอร์เน็ตก็สามารถโอนเงินระหว่างวอลเลตได้ และหากตรวจจะรู้เพียงแค่เส้นทางการโอนเงินดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ซึ่งต้องไปสืบสวนติดตามกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม การแฮกข้อมูลองค์กรของแฮกเกอร์สานดาร์กเกิดขึ้นได้ทั่วโลกตลอดเวลาและรุนแรงขึ้น ดังนั้นแนะนำว่า ควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ องค์กรต้องให้ความสำคัญกับการทำระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล หรือ “ไซเบอร์ริเคียงริตี้” และมีการแบล็กอัพข้อมูล เพื่อป้องกันการโจมตีจากกลุ่มแฮกเกอร์สายดาร์ก ซึ่งปัจจุบันบนอินเทอร์เน็ตมีสัดส่วนของเว็บที่ใช้งานจริงๆ เพียง10% เช่น เฟชบุ๊ก แต่สัดส่วนกว่า90% เป็นเว็บสายดาร์กที่แฮกข้อมูล
นอกจากนี้ การใช้เงินดิจิทัล อย่างบิทคอยน์ ยังถือว่ามีข้อดีกว่า เงินสด เพราะมีโอกาสตรวจสอบพบเส้นทางการโอนเงินของกลุ่มแฮกเกอร์สายดาร์กได้มากกว่าการแลกเปลี่ยนด้วย เงินสด ที่อาจไม่พบร่องรอยเลยก็ได้