ธงวันมหิดลปลิวไสว คนไทยไม่ทิ้งกัน
นับเป็นอีกปีหนึ่งที่ "ธงวันมหิดล" สัญลักษณ์แห่งความร่วมแรงร่วมใจของเหล่านักศึกษาแพทย์และผู้มีจิตศรัทธาช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้จะโบกสะบัดอีกครั้งในโอกาส "วันมหิดล" ที่กำลังมาถึงนี้
รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าถึงประเพณีอันดีงามของชาวศิริราชในการสืบสานพระราชปณิธานและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกในด้านการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย
"หนึ่งในพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงให้ความสำคัญคือการแพทย์ พระราชทานที่ดิน ทรัพย์ส่วนพระองค์สำหรับก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลและครุภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย อีกทั้งเจ้านายผู้ทรงมีบทบาทสำคัญพระองค์หนึ่ง คือสมเด็จพระบรมราชชนก พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า หากจะย้อนไปเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรผ่านมายังโรงพยาบาลศิริราช พระองค์ทรงเห็นว่าแม้จะมีสถานที่รักษาคนไข้แล้วก็ตาม แต่การแพทย์แผนปัจจุบันของไทยยังไม่ก้าวหน้า จึงทรงศึกษาวิชาแพทย์ต่อจากวิชาการทหาร นอกจากนี้ทรงเป็นผู้ติดต่อไปยังมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์เพื่อขอทุนมาพัฒนาโรงเรียนแพทย์ในเมืองไทยให้มีความเจริญมากยิ่งขึ้น
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณทรงมีต่อพสกนิกร โดยเฉพาะนักศึกษาแพทย์ในอดีต พูดคุยกันว่า อยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนไข้ แต่เนื่องจากยังมีความรู้ความสามารถไม่มากพอ แต่สิ่งหนึ่งที่นักศึกษาแพทย์ทำได้คือการระดมทุน เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายแก่ผู้ป่วยยากไร้ และเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เกิดแนวคิดทำของที่ระลึกมอบให้แก่ผู้ร่วมบริจาคเงิน และเนื่องจากนักศึกษาในสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องไม้เครื่องมืออะไร สิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดคือการทำธงจากผ้าสักกะหลาดสกรีนลวดลายวงกลม
ภายในมีลายสกรีนพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และปีพ.ศ.ที่ผลิต เป็นงานฝีมือที่นักศึกษาแพทย์ทุกคนลงมือทำด้วยความตั้งใจ แรกเริ่มทำเมื่อปี พ.ศ. 2503 ธงวันมหิดลเป็นสีขาว ในปีต่อๆ มา มีการกำหนดสีของธงเป็นสีอื่นๆ เพื่อให้เกิดความแตกต่าง โดยนับจากวันที่ 24 ของปีใดๆ ตรงกับวันอะไรก็ให้สีธงเป็นสีนั้น ยกตัวอย่าง ปีนี้วันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2563 ตรงกับวันพฤหัสบดี สีของธงจึงเป็นสีส้ม ซึ่งสมัยที่ผมเลือกสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ ผมรู้จักแต่ชื่อสถาบันว่ามีที่ไหนให้เราเลือกบ้าง
กล่องบัตรดัชนีสำหรับการศึกษาค้นคว้า, ลายพระราชหัตถเลขาในสมุดบันทึกคำบรรยาย
จดหมายติดต่อระหว่างสมเด็จพระบรมราชชนกกับ Dr. Richard M. Pearce มูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์
กระทั่งเจอรุ่นพี่คนหนึ่ง ถามเขาว่าเรียนที่ไหน เขาไม่ตอบ แต่โชว์หัวเข็มขัดมีข้อความว่า ศิริราช เป็นครั้งแรกที่รู้จักสถาบันนี้ ซึ่งมีส่วนทำให้ผมตัดสินใจว่าจะมาเรียนที่ศิริราช เพื่อจะได้เข้ามาทำสิ่งดีๆ ตามอย่างรุ่นพี่คนนี้ที่ผมมองว่าเขาเป็นไอดอล พอเอ็นท์ติดศิริราช เป็นนักศึกษาแพทย์ใหม่ๆ ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับวันมหิดลมากนักและต้องไปเรียนปี 1 ที่ศาลายา อยู่ๆ ไปก็เข้ามาสู่กิจกรรมวันมหิดล ได้รับการชักชวนจากรุ่นพี่ให้เขามาร่วมกิจกรรมต่างๆ เพราะเป็นช่วงที่การเรียนยังไม่หนักมาก
การทำธงวันมหิดลเป็นหนึ่งในนั้น โดยกลุ่มอาสานักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล หรือที่พวกเราเรียกสั้นๆ ว่า กลุ่มอาสาฯ ปีหนึ่งๆ นักศึกษาไปช่วยกันสร้างโรงเรียน โรงอาหาร นำงบประมาณมาจากนักศึกษาออกรับบริจาค ซึ่งช่องทางหนึ่งที่จะทำให้เรามีรายได้เพิ่ม คือการรับจ้างคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลทำธงวันมหิดล ก็ระดมคนมาช่วยกัน มีรุ่นพี่ถ่ายทอดขั้นตอนการทำให้กับน้องๆ คนที่เย็บจักรไม่เป็นก็มีการสอนกัน
ส่วนผมอยู่แผนกตัดผ้า แรกๆ ตัดผ้าด้วยกรรไกรซิกแซกเบี้ยวไปบ้าง ตัดจนนิ้วบวมก็ย้ายไปสกรีนผ้า พิมพ์หมึกลายไม่ครบ ต้องเรียนรู้กันอยู่สักพักถึงจะเข้าที่เข้าทาง รุ่นพี่คอยเป็นคิวซีตรวจดูความเรียบร้อยอีกทีหนึ่ง จะว่าไปเป็นกิจกรรมสนุกมาก ผมมาค้างคืนวันศุกร์ถึงคืนวันเสาร์ ได้เจอเพื่อน พูดคุยทำความรู้จักกัน แล้วกลับไปเรียน ทำอยู่อย่างนี้จนเราได้ธงตามจำนวนที่ต้องการแล้วก็แยกย้ายกันไปเรียนตามปกติ"
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงเป็นแบบอย่างในการวางรากฐานการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย
รศ.นพ.นริศ มาเจอเพื่อนอีกครั้งในวันร่วมออกรับบริจาคเงิน
"รุ่นพี่แบ่งรุ่นน้องๆ ออกเป็นกลุ่ม แยกตามเส้นทางสายทางบกและทางน้ำ ซึ่งผมได้ไปเจอชาวบ้านริมคลองบางกอกน้อยคุ้นเคยกับนักศึกษาอยู่แล้ว แค่เห็นว่านั่งเรือของบริษัท สุภัทรา จำกัดที่มาคอยบริการพวกเราฟรี มีเสียงป่าวประกาศจากโทรโข่งรับบริจาค เขาใจดีกวักมือตะโกนเรียกให้จอด บ้างก็มีขนมมีน้ำมาให้นักศึกษาด้วย
ดังนั้นการออกรับบริจาคไม่ได้รับแค่เงินเพื่อนำมาซื้อเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยสามัญเท่านั้น แต่เป็นการรวมสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก การทำความดีของนักศึกษาแพทย์ในทุกๆ ปี กระทั่งถึงตอนขึ้นปี 5 วันนั้นเป็นวันออกรับบริจาคใหญ่ คือวันที่ 23 และ 24 กันยายน นักศึกษาในวิทยาเขตศิริราช และนักศึกษาอื่นๆ เช่น นักเรียนการอุปกรณ์ คณะเทคนิคการแพทย์ คณะพยาบาล นักเรียนผู้ช่วยพยาบาล นักศึกษาแพทย์แผนไทยที่ไม่ได้มีปฏิบัติการบนตึกผู้ป่วย จะพร้อมใจกันหยุดเรียนเพื่อออกไปร่วมกิจกรรม โดยก่อนรถบัสจะแล่นออกจากจุดนัดพบ ผมทำหน้าที่พูดสร้างขวัญกำลังใจเพื่อให้นักศึกษาเกิดความฮึกเหิม
พอได้เวลา รถก็ไปยังอาคารห้างร้านในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น สมุทรสาคร นครปฐม ราชบุรี แบบไปเช้าเย็นกลับ บนรถบัสแอร์ก็ไม่มี ทนร้อนกันหน่อย เสร็จจากการออกรับบริจาคเงิน พวกเรามารวมกลุ่มคุยกันว่าแต่ละคนไปเจอะเจออะไรกันบ้าง ก็ผ่านมาได้โดยอาศัยความเพียรและเป็นภาพจำของคนจากรุ่นสู่รุ่น โดยมีธงวันมหิดลเชื่อมใจคนรอความช่วยเหลือกับคนจิตใจดีเข้าด้วยกัน
แม้วันนี้โลกเปลี่ยนไป ช่องทางการระดมทุนมีมากขึ้น ทั้งแบบออนไลน์ เค้าน์เตอร์มูลนิธิศิริราช ธนาคารต่างๆ ที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริจาค แต่เรายังคงรักษาและสืบทอดต่อเนื่องกันมา เพราะกิจกรรมบำเพ็ญนี้มีประโยชน์ นอกจากการผลิตแพทย์ที่มีความรู้ที่ดี ยังปลูกฝังให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ดังพระราชดำรัสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ว่า
'ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอเป็นเพียงแพทย์เท่านั้น แต่ฉันต้องการให้เธอเป็นคนด้วย'
ทุกวันนี้ แม้ผมเรียนจบ ทำงานมาหลายปี เคยได้ยินชาวต่างชาติถวายพระเกียรติ ด้วยการเชิญลายพระราชหัตถเลขากล่าวในเวทีบรรยายวิชาการแพทย์ ว่า
‘ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภทรัพย์และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งวิชาชีพไว้ให้บริสุทธิ์’
ยิ่งทำให้ผมยึดมั่นในพระราชดำรัสนี้ โดยมีพระองค์ทรงเป็นแบบอย่าง ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะการเป็นหมอ เป็นครู เป็นผู้บริหารหรือบทบาทหน้าที่อะไรก็ตาม ผมจะทำให้ดีที่สุด"
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
(หมายเหตุ) พิเศษปีนี้ ในสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา รพ.ศิริราชตระหนักและห่วงใยประชาชน นอกจากธงวันมหิดลแล้ว ยังมอบหน้ากากอนามัย (WIN Masks) ผลิตจากผ้านาโนกันไรฝุ่นเพื่อป้องกัน COVID-19 สามารถกรองฝุ่นและละอองฝอยผลิตมาเฉพาะเพื่อสุขภาวะและคุณภาพชีวิตของคนไทยในแนวชีวิตวิถีใหม่ ผู้บริจาค 500 บาท ขึ้นไป จะได้รับธงเสาและหน้ากาก WIN Masks 1 ชิ้น 300 บาท ขึ้นไป จะได้รับธงผืนและหน้ากาก WIN Masks 1 ชิ้น 20 บาท จะได้รับธงผืน บริจาคโดยตรงได้ที่ ศิริราชมูลนิธิ ตึกมหิดลบำเพ็ญ ชั้น 1 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ผ่านธนาคารทุกสาขาทั่วประเทศ ชื่อบัญชี “ศิริราชมูลนิธิ” (ธงวันมหิดล) ประเภทออมทรัพย์ ผ่าน Application ธนาคารที่ท่านมีบัญชีเงินฝากโดยสแกนผ่าน QR Code สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2419 7658 – 60, 0 2414 1414 และ 0 2419 7688 line: @sirirajfoundation