บริษัทเอเชียลดแจก 'นามบัตร' รับวิถี 'นิวนอร์มอล'
บ.เอเชียลดแจก“นามบัตร”รับวิถีนิว นอร์มอล โดยทุกวันนี้บริษัทเปลี่ยนไปเป็นการประชุมทางออนไลน์100% และการติดต่อทางธุรกิจก็เปลี่ยนไปเป็นแบบเสมือนจริงเต็มรูปแบบ
ในยุคโควิด-19 ระบาดหนักแบบนี้ การแจก “นามบัตร” เพื่อประโยชน์ในการติดต่อทางธุรกิจพลอยได้รับผลกระทบ คนในแวดวงธุรกิจในเอเชียเริ่มใช้นามบัตรกันน้อยลง ขณะที่บริษัทจำนวนมากใช้วิธีบริหารจัดการเพื่อติดต่อลูกค้าบนพื้นฐานระบบคลาวด์เป็นตัวขับเคลื่อนและขยายธุรกิจ
เพราะฉะนั้น ตามสำนักงานต่างๆจึงปรับโต๊ะทำงานพนักงานให้เว้นระยะห่างกันในระยะที่ปลอดภัย หรือไม่ก็ให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน นอกเหนือจากการลดการแจกนามบัตรเพื่อลดการสัมผัสจากเดิมที่“นามบัตร”ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อทางธุรกิจในเอเชีย ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์แค่การให้ข้อมูลเพื่อการติดต่อทางธุรกิจเท่านั้นแต่ยังเป็นการบ่งบอกสถานะ ความสำคัญและตำแหน่งของเจ้าของนามบัตรด้วย
ในบางประเทศ การทักทายด้วยการสัมผัสทางร่างกายเป็นพิธีกรรมทางสังคมที่สำคัญแต่มีบริษัทจำนวนหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยกับเว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียน รีวิวว่า พวกเขาเริ่มเปลี่ยนรูปแบบการขยายเครือข่ายธุรกิจด้วยการใช้การพบปะกันทางไกลแทนท่ามกลางการใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมของทุกประเทศทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นเพราะการล็อกดาวน์ของรัฐบาลประเทศต่างๆเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือเป็นมาตรการป้องกันตนเองของบรรดาบริษัทต่างๆที่ต้องการป้องกันความปลอดภัยของพนักงานจากเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ด้วยการจำกัดการสัมผัสทางร่างกายขณะทำงาน แต่การพบปะกันซึ่งๆหน้าก็ลดความนิยมลง ไม่ใช่รูปแบบหลักของการดำเนินธุรกิจอีกต่อไป
“ทุกวันนี้ เราเปลี่ยนไปเป็นการประชุมกันทางออนไลน์100% และการติดต่อทางธุรกิจของเราก็เปลี่ยนไปเป็นแบบเสมือนจริง หรือเป็นแบบทางไกลเต็มรูปแบบ”มิซากิ โมริมูระ ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่ายและการตลาดของบริษัทพาโซนา สิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางาน กล่าว
ในเบื้องต้นนั้น การจำกัดจำนวนครั้งของการติดต่อสื่อสารแบบซึ่งๆหน้าถูกจำกัดอยู่แค่ลูกค้าของพาโซนาบางกลุ่มแต่โมริมูระยอมรับว่า หลายครั้งที่การติดต่อทางไกลให้ประโยชน์ต่อบริษัทและพนักงานได้มากกว่า
“พนักงานตระหนักว่าการมีปฏิสัมพันธ์ทางธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ หรือทางไกล ไม่ได้แค่ช่วยให้การทำธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจเป็นไปด้วยความรวดเร็วขึ้นด้วย ทั้งยังกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือกันมากขึ้น”โมริมูระ กล่าว
โมริมูระ ยังบอกด้วยว่า ทุกวันนี้บริษัทของเขายอมรับว่าการติดต่อสื่อสารทางดิจิทัลให้ประโยชน์กับบริษัทมากกว่าการใช้นามบัตรแบบดั้งเดิมในการช่วยขยายธุรกิจ
“พนักงานฝ่ายขายของเราสามารถแลกเปลี่ยนนามบัตรทางออนไลน์ได้ในปริมาณมากขึ้นเพราะพวกเขามีเวลาที่จะประชุมกันมากขึ้นและการประชุมแต่ละครั้งก็ใช้เวลาน้อยลง ไม่เหมือนการเดินทางไปเยี่ยมลูกค้า หรือการติดต่อสื่อสารรูปแบบเดิมๆ”โมริมูระ กล่าว
บริษัทต่างๆในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เร่งขยายธุรกิจและขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมให้มากที่สุด หวังเจาะตลาดที่มีโอกาสการเติบโตสูง ส่วนสายการบินต้นทุนต่ำในภูมิภาคพยายามเปิดเส้นทางบินในประเทศเพื่อบ้านใกล้เคียง จำเป็นต้องหารือกับลูกค้าหลายกลุ่มและมีการแลกเปลี่ยนนามบัตรกัน แต่ในช่วงเวลาที่ประเทศต่างๆมีนโยบายชัดเจนว่าต้องคุมเข้มด้านการเดินทางเพราะการระบา่ดของโรคโควิด-19กระแสความนิยมในการขยายเครือข่ายผ่านการทำงานระบบทางไกลและการลดการพึ่งพานามบัตรที่เป็นกระดาษจึงเกิดขึ้น
"เซนตา นิชิดา" กรรมการผู้อำนวยการโกลบอล พาร์ทเนอร์ส คอนซัลทิง บริษัทตรวจสอบบัญชี ประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งให้บริการในอินโดนีเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์ กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทไม่ได้ใช้นามบัตรแบบกระดาษแล้วแต่หันไปใช้นามบัตรดิจิทัลแจกลูกค้าในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน อีกทั้งการสื่อสารทางไกลยังช่วยให้พนักงานสะดวกมากขึ้นในการแชร์ข้อมูล แต่การปรับตัวครั้งนี้จะมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน อยู่ที่ความร่วมมืออย่างจริงจังของพนักงานด้วย นั่นคือ พนักงานต้องละเลิกพฤติกรรมเขียนเมมโม หรือโน้ตบนนามบัตรของหุ้นส่วนธุรกิจ
ผลศึกษาของบริษัทซิกนา บริษัทให้บริการด้านสุขภาพสัญชาติอเมริกันช่วงระหว่างเดือนม.ค.และมิ.ย. พบว่า 60% ของผู้ถูกสำรวจสามารถทำงานจากบ้านได้ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งซิกนามองว่าส่งผลกระทบอย่างมากต่อทัศนะวัฒนธรรมการทำงาน โดยผลสำรวจ ซึ่งทำงานสุ่มสำรวจประชากรจำนวนกว่า 16,000 คน ในหลายประเทศ รวมทั้งจีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์และไทย โดยเฉลี่ย 53% อยากทำงานจากบ้าน อย่างน้อยก็ 50% ของเวลาทำงานที่ทำในอนาคต โดยในสิงคโปร์ มีสัดส่วน 67% ในไทย 56% และในเกาหลีใต้ 40%
“การระบาดของโควิด-19ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว ขณะที่สำนักงานยังคงมีบทบาทของวัฒนธรรมสิ่งปลูกสร้างและความเป็นบริษัท แต่ประสบการณ์ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการทำงานจากบ้านก็ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงได้เช่นกัน” เจสัน แซดเลอร์ ประธานซิกนา อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ตส์ กล่าว
ส่วน“แซนแซน” บริษัทซึ่งมีฐานดำเนินงานในญี่ปุ่นก็ใช้“ซูม” แอพพลิเคชันการประชุมทางไกล เป็นหนึ่งในทางเลือกสื่อสารภายในองค์กร และนอกองค์กรเพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสผู้คนที่ต้องพบปะแบบซึ่งหน้า โดยในปีงบการเงินล่าสุด ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 พ.ค. บริษัทรายงานยอดขายสุทธิขยายตัว 30.9% และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบการเงินนี้ จำนวนสมาชิกของแซนแซนเพิ่มขึ้น 16% แยกเป็นยอดขายสุทธิรายเดือนต่อสมาชิกเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562