'เฮเฟเล่'รุกค้าปลีกเฟอร์ฯเจาะบีทูซี 

นางสาวเสาวนีย์ เสริมศุภกรวงศ์ ผู้จัดการขายทั่วไป บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา2019(โควิด-19) ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสินค้าฮาร์ดแวร์ตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัทผลิตและจำหน่าย  โดยที่ผ่านมาเน้นเจาะตลาดไปที่โครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมและบ้าน ตั้งแต่ราคา 80,000 บาท - 400,000บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) โดยประเมินว่าโครงการอสังหาฯทั้งแนวราบและคอนโด จะชะลอตัว10-15%ในปีนี้ ลดลงต่อเนื่องถึงปี 2564 กระทบต่อยอดขายสินค้ของบริษัท 

“ลูกค้ากลุ่มโปรเจคชะลอเปิดตัวโครงการใหม่ แต่ยังมีแบ็คล็อกเก่าสะสมต้องส่งมอบถึงไตรมาสแรกของปีหน้า โดยกลุ่มลูกค้าโปรเจคลดลงชัดเจนเมื่อเทียบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการราคา80,000 -100,000 บาทต่อตร.ม. ที่แทบจะหยุดพัฒนาโครงการ” 

สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การตลาด หันมาให้ความสำคัญกับการกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค(B2C)ด้วยการเจาะกลุ่มค้าปลีกทุกช่องทาง ทั้งโมเดิร์นเทรด(MT)และ ตัวแทนจำหน่าย (Traditional Trade) รวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์มากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มพอร์ตลูกค้าระดับB2Cจาก35เป็น40 % รวมถึงพัฒนาตลาดอุตสาหกรรม ตลอดจนจะมีเพิ่มแบ็คล็อคใหม่เข้ามาชัดเจนในช่วงปี2565หลังลงนามสัญญากับ โครงการ โดยโครงการดังกล่าวได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเฮเฟเล่ พัฒนาเป็นห้องตัวอย่าง จึงสามารถพัฒนาไปสูู่การทำสัญญาทั้งโครงการ

 นอกจากนี้ ยังจัดอีเวนท์กระตุ้นตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายก่อนสิ้นปีนี้ ด้วยการกระตุ้นตลาดด้วยราคาสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ จัดงาน “HAFELE Big Clearance Sale 2020”นำสินค้า25,000รายการมาลดราคาสูงสุด70%ในช่วง1-3ต.ค.2563พร้อมกับนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคโควิด ที่มุ่งเน้นสินค้ากลุ่มไร้สัมผัส (Touchless)อาทิ ถังขยะ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ก๊อกน้ำอัตโนมัติ รวมไปถึงสินค้าที่เชื่อมต่อกับระบบดิจิทัล สมาร์ทโฟน รวมถึงสั่งการอัจฉริยะ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าขายดี ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ 

ด้านนายโฟลเคอร์ เฮลสเติร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลกระทบจากโควิดทำให้รายได้รวมในช่วงครึ่งแรกของปี (สิ้นเดือนมิ.ย.) ของกลุ่มเฮเฟเล่จากทั่วโลกมูลค่า639ล้านยูโร ลดลงจากปีก่อน12.6%แต่ในไม่มีการลดพนักงาน 

“ในช่วงเกิดช่วงสถานการณ์ ทำให้โชว์รูมและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายได้รับผลกระทบ สถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ภาคธุรกิจB2Bซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัทหยุดชะงัก ทำให้บริษัทได้มีแนวคิดในการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยให้พนักงานPCห้างสรรพสินค้าทำงานที่บ้าน แทน และบางส่วนให้เข้ารับการฝึกอบรมให้ความรู้ทางเทคนิคและยกระดับการให้บริการเพื่อเตรียมความพร้อมหลังธุรกิจเริ่มฟื้นตัว”