ปลัดสธ.ใหม่เผยนำร่อง "บัตรทองรักษาทุกที่"เขตกรุงเทพฯ
เปลี่ยนโฉมผู้บริหารสธ. ปลัดกระทรวงคนใหม่เร่งขับเคลื่อน 4 นโยบายด่วน นำร่อง “บัตรทองรักษาทุกที่”เขตกทม. คุมโควิดตั้งเป้าปีแรกวัคซีนครอบคลุม50%-ของคนไทย เผยแนวโน้มวัคซีนอาจล้นตลาด กัญชา-กัญชงสู่เศรษฐกิจสุขภาพ พลิกโฉมเขตสุขภาพ
เมื่อเวลา 07.09 น. วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เดินทางเข้าทำงานที่สธ.เป็นวันแรก หลังได้รับโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งปลัดสธ. โดยสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก่อนแถลงนโยบายพร้อมนพ.สุระ วิเศษศักดิ์ นพ.ณรงค์ สายวงศ์ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร และนพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดสธ. ว่า นโยบายเร่งด่วนที่จะขับเคลื่อนมี 4 ข้อหลัก ได้แก่ 1.โรคโควิด -19 ได้ตั้งทีมทำงานขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์ฉากทัศน์ของโรคโควิด-19ที่อาจจะเกิดขึ้นในระลอกต่อไป ซึ่งไม่แน่ว่าจะขึ้นในช่วงเวลาไหน แต่การระบาดแบบวงกว้างจนควบคุมไม่ได้คงไม่เกิดขึ้น และจะไม่มีการปิดบ้านปิดเมืองเหมือนในระลอกที่ 1 เนื่องจากมีมาตรการทางสังคมต่างๆที่ประชาชนร่วมปฏิบัติมากกว่า 80 % ทำให้สามารถป้องกันได้
“อาจมีการระบาดเป็นหย่อมๆเกิดขึ้น แต่จะควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อและแพร่ระบาดมากขึ้นโดยเร็ว โดยได้มอบให้กรมควบคุมโรคดำเนินการและนำเสนอแผนรายละเอียดและจะแถลงอย่างชัดเจนอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้าส่วนของวัคซีนในปีแรกตั้งเป้าให้ครอบคลุม 50 % ของประชากร ซึ่งจะมีการจัดหาจากแหล่งต่างๆ ทั้งนี้ ทีมที่ปรึกษาด้านโควิด-19 มีการคาดการณ์หากมีการพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จจริง อาจจะทำให้วัคซีนล้นตลาดเพราะมีบริษัททำวัคซีนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแม้ยังไม่มีวัคซีนแต่คนไทยก็อยู่ได้แค่ใส่หน้ากากอนามัย”นพ.เกียรติภูมิกล่าว
2.เศรษฐกิจสุขภาพ จะขับเคลื่อนให้สธ.สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศ โดยนำแนวคิดของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)มาดำเนินการทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์ อาหาร เครื่องสำอาง สมุนไพร กัญชา และกัญชงมาสร้างมูลค่าเพิ่ม เรื่องของบริการ เช่น สปา และการรักษาในส่วนของรพ.เอกชน แต่หากรพ.สังกัดสธ.แห่งใดมีศักยภาพเหลือก็สามารถพิจารณาให้บริการแบบเมดิคับฮับได้ และวิชาการจะร่วมมือกับโรงเรียนแพทย์ 3.ระบบสุขภาพ มุ่งพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ
และ4.ระบบบริการ ในส่วนของคุณภาพการบริการจะเน้นที่จุดเชื่อมต่อที่เป็นรพ.ข้อต่อ เช่น โรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่จะเน้นให้ดีขึ้น รวมถึง ตอบสนองนโยบาบกระจายอำนาจ ลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชน ผ่านนโยบายบัตรทองรักษาทุกที่ เบื้องต้นตัดสินใจที่จะดำเนินการแล้ว 1 เขต คือ กรุงเทพมหานคร และอาจจะเพิ่มอีก 2-3 เขตสุขภาพซึ่งจะพิจารณาตามศักยภาพ ความพร้อมและการตอบสนองต่อนโยบาย จะเป็นการลดอำนาจสธ.และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) แต่จะเพิ่มอำนาจประชาชนในการมีส่วนร่วมควบคุมกำกับมากขึ้น
รวมถึง พลิกโฉมเขตสุขภาพให้เป็นต้นแบบเน้นดูแลสุขภาพมากกว่ารักษา โดยจะออกแบบให้นำเรื่องการมีสุขภาพดีของประชาชนที่เกิดจากการดุแลสุขภาพมาใช้พิจารณาเรื่องงบประมาณ เบื้องต้นจะดำเนินการใน 1-3 เขตสุขภาพภายใน 2 ปีหากประสบผลสำเร็จก็จะขยายไปเขตสุขภาพอื่นด้วย ทั้งหมดนี้จะดำเนินการภายใต้หลักธรรมาภิบาล มีค่านิยมคือ รัก สามัคคี สร้างสธ.ปึกแผ่น