“ธนารักษ์”ลดค่าเช่าให้เอโอทีสูงสุด40%
“ธนารักษ์”สรุปลดอัตราค่าเช่าที่ให้เอโอทีแบบปีต่อปี โดยสนามบินสุวรรณภูมิลดให้ 20% ส่วนสนามบินดอนเมืองลดสูง 40% พร้อมลดค่าเช่าให้เอกชนรายอื่น คาดรายได้หด 3 พันล้านบาท
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯได้สรุปการลดอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (เอโอที)เรียบร้อยแล้ว หลังจากเอกชนได้ส่งเรื่องมายังกรมฯเพื่อขอปรับลดอัตราค่าเช่าชั่วคราวในปี 2564 เนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยกรมฯเตรียมส่งหนังสืออย่างเป็นทางการไปยังเอโอทีให้รับทราบ เพื่อเตรียมนำส่งค่าเช่าประจำปี 2564 ในช่วงเดือนม.ค.2564 ได้ต่อไป
ทั้งนี้ กรมฯได้พิจารณาปรับลดอัตราค่าเช่าให้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในอัตรา 20% จากอัตราค่าเช่าปกติ และท่าอากาศยานดอนเมืองในอัตรา 40% แตกต่างกันตามผลกระทบของแต่ละแห่งที่ได้รับ ซึ่งที่ผ่านมาในแต่ละปีเอโอที จ่ายค่าเช่าให้กับกรมประมาณ 4.4 พันล้านบาท แต่การปรับลดอัตราค่าเช่าดังกล่าว เป็นการปรับลดเพียงปี 2564 เท่านั้น ส่วนในปี 2565-2566 นั้นที่เอโอทีขอมาทั้งหมด 3 ปีนั้น กรมฯจะขอพิจารณางบดุลต่างๆของเอโอทีก่อน
“เอโอทีได้ส่งผลประกอบการในปี 2561-2563 มาให้กรมฯพิจารณา ซึ่งเราดูแล้ว ก็คำนวณออกมาเป็นส่วนลดที่จะลดให้ แต่จะลดให้แค่ปี 2564 ก่อนส่วนอีก 2 ปีจากที่ขอให้ลดให้ในปี 2564-2566 นั้น กรมฯขอพิจารณาเป็นรายปีไปก่อน เพราะในปีต่อๆไปสถานการณ์ต่างๆ จะเปลี่ยน รายได้ก็จะเปลี่ยนไปด้วย ถึงตอนนั้นก็จะให้เอโอทียื่นงบดุลมาให้พิจารณาได้”
ส่วนเอกชนรายอื่นนั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ในเบื้องต้นหากเป็นเอกชนรายเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำธุรกิจท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านอาหารต่างๆ ก็จะยกเว้นค่าเช่าในปี 2564 ให้ทั้งหมด รวมไปถึง การยกเว้นค่าเช่าให้กับที่อยู่อาศัยและที่ดินเพื่อการเกษตรที่มีประมาณ 1.4 แสนรายด้วย
เขากล่าวว่า กรมฯคาดการณ์การลดอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุให้เอกชนและยกเว้นค่าเช่าให้กับที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและการเกษตรแล้ว จะทำให้รายได้ของกรมในปีงบประมาณ 2564 หายไปประมาณ 3 พันล้านบาท แต่กรมฯยังคงเชื่อว่าทั้งปีงบประมาณ 2564 จะยังคงจัดเก็บรายได้ได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ได้รับที่ 7 พันล้านบาทได้
ทั้งนี้ กรมฯจะหารายได้เพิ่มจากการนำบ้านทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในพื้นที่ขของส่วนราชการ มาทำประโยชน์เชิงพาณิชย์มากขึ้น ได้สั่งการให้ธนารักษ์พื้นที่สำรวจบ้านทรงคุณค่า ซึ่งล่าสุดพบว่ามีประมาณ 95 แห่งทั่วประเทศ โดยกรมจะเปิดให้เอกชนประมูลเพื่อพัฒนาบ้าน ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
"เบื้องต้นคาดว่า จะได้บ้านทรงคุณค่าดังกล่าวมาบริหารเองอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของที่สำรวจได้ โดยปัจจุบันกรมได้เปิดประมูลอาคารศุลกากรเขต 2 ในจังหวัดหนองคายไปแล้ว เป็นที่แรกเราได้ค่าธรรมเนียม 3 ล้านบาท ค่าเช่าปีละ 2-3 หมื่นบาทต่อปี ตลอดเวลา 30 ปี ซึ่งเอกชนที่ประมูลจะนำบ้านทรงคุณค่ามาทำเป็นห้องสมุด และร้านกาแฟอะไรก็ได้ที่สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้”
ทั้งนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 1ต.ค.ที่ผ่านมา กรมฯได้เปิดให้เอกชนยื่นซองประมูลบ้านที่สามเสนขนาด 300 ตารางวา ของพลเอกสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากเอกชน เพราะสามารถปรับเป็นร้านอาหารเพื่อทำรายได้ได้