เปิดแล้ว! "หลักสูตรหุ่นยนต์และAI"ในรั้วโรงเรียน
เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี
พัฒนาหลักสูตรเสริมทักษะด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ เตรียมพร้อมเด็กไทยมีทักษะที่จำเป็น ตอบโจทย์ยุค AI พร้อมเปิดศูนย์ปฏิบัติการ ACT AI Lab พื้นที่ในการเรียนรู้และต่อยอดทักษะด้าน AI ของนักเรียน
การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีในสังคมยุคปัจจุบัน และการคาดการณ์ต่อการขยายตัวของการใช้เทคโนโลยีในสังคมอนาคต ทำให้ "โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี" ตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อมเด็กไทยให้มีทักษะที่จำเป็นและสอดคล้องกับแนวโน้มของพัฒนาการทางด้านสังคมในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะทักษะด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
วันนี้ (9 ต.ค.2563) ที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ดร. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนาทักษะด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ระหว่าง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) และโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี
โดยเป้าหมายของความร่วมมือในการส่งเสริมศักยภาพครูผู้สอนและบูรณาการหลักสูตรการเรียนรู้แบบโครงงาน(Project based Learning) ในการจัดการเรียนการสอนด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (Robotics and AI) ภายใต้หลักการที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง (STEM Education)พร้อมทั้งเปิดศูนย์ปฏิบัติการ ACT AI Lab ซึ่งเป็นพื้นที่ในการเรียนรู้และต่อยอดทักษะด้าน AI ของนักเรียน
ภราดา ดร.ชำนาญ เหล่ารักผล ผู้อำนวยการ โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี (ACT) กล่าวว่าเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ ทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์ การเขียนโปรแกรมและวิทยาการหุ่นยนต์ จึงเป็นความรู้ที่จำเป็นสำหรับนักเรียน และควรได้รับการเตรียมความพร้อมตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อจะได้เกิดความคุ้นเคยและมีทัศนคติที่ถูกต้องในการใช้เทคโนโลยี
"โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี มีแนวคิดที่จะสร้างหลักสูตรและรูปแบบการสอน โดยบูรณาการศาสตร์ทางด้านวิทยาการหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์เข้ามาประยุกต์รวมกับหลักสูตรการเรียนการสอนปกติ เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีด้วยการลงมือปฏิบัติจริง (learning by doing)ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ด้านเนื้อหาทฤษฎี ได้จัดทำโครงการACT CREATIVE AND INNOVATIVE LEADER เพื่อส่งเสริมศักยภาพครูผู้สอนในระดับมัธยมศึกษา จากกลุ่มสาระฯ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ ให้มีทักษะที่สามารถบูรณาการเทคโนโลยีเข้าไปสู่หลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อจะได้เสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น"ภราดา ดร.ชำนาญ กล่าว
ที่ผ่านมา โรงเรียนได้ทำงานร่วมกับเอ็มเทค สวทช. ในการพัฒนาต้นแบบสื่อการเรียนการสอนสำหรับใช้ในหลักสูตรเชิงบูรณาการเพื่อการเรียนรู้แบบโครงการ รวมถึงการจัดอบรมเสริมสร้างความรู้พื้นฐานที่จำเป็นให้แก่ครูกว่า 40 คนเพื่อให้ครูเข้าใจบูรณาการศาสตร์ทางด้านการเขียนโปรแกรมและเทคโนโลยีหุ่นยนต์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในหลายมิติ
ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการเอ็มเทค สวทช. กล่าวว่า เอ็มเทค เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีหน้าที่หลักในการวิจัยและพัฒนาเพื่อนำไปต่อยอดสร้างประโยชน์และคุณค่าให้แก่เศรษฐกิจและสังคม ในยุคที่เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิสรัปทีฟ (disruptive technology) ทุกภาคส่วนควรมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในโลกอนาคต การส่งเสริมพัฒนาการของเด็กเพื่อเตรียมความพร้อมให้มีทักษะที่จำเป็น จึงไม่ใช่ภาระหน้าที่ของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาเท่านั้น
ความร่วมมือระหว่างเอ็มเทคและโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีในการพัฒนาต้นแบบสื่อการเรียนการสอนและหลักสูตรเชิงบูรณาการสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 โดยมีทีมวิจัยจากกลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ มีแนวคิดในการนำเทคโนโลยีทางด้านหุ่นยนต์ ระบบเซ็นเซอร์และปัญญาประดิษฐ์มาบูรณาการกับหลักสูตรการสอนปกติ อาทิ พัฒนาต้นแบบสื่อการเรียนการสอน Garden of STEM ซึ่งเป็นต้นแบบที่นักเรียนสามารถเรียนรู้การปลูกพืชด้วยระบบไฮโดรโพนิกส์ (hydroponics) ทำให้สามารถควบคุมปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชรวมถึงปริมาณน้ำ ปุ๋ย ความชื้น อุณหภูมิ และย่านแสง RGB ได้ตามเงื่อนไขการออกแบบการทดลอง
สื่อการเรียนการสอนนี้เปิดโอกาสให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้มีโอกาสเรียนรู้ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยการเก็บข้อมูลจากระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ นักเรียนจะได้เรียนรู้ทักษะการเขียนโปรแกรม การนำเซ็นเซอร์ชนิดต่างๆ มาตรวจวัดและจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทำให้เข้าใจถึงประโยชน์และวิธีการในการนำเทคโนโลยีมาใช้เสริมสร้างธุรกิจในชุมชน การเรียนรู้นี้ยังเป็นผลดีที่จะกระตุ้นให้มีความคุ้นเคยที่จะนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการทำการเกษตรอัจฉริยะ (smart farming) ตั้งแต่เด็ก
นายอิชระ คำพร้อง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี กล่าวว่ารู้สึกดีใจมากที่โรงเรียนได้มีหลักสูตรพัฒนาทักษะด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ เพราะเป็นหลักสูตรใหม่ที่ทันสมัยและตรงกับความต้องการของเด็กที่จะเรียนรู้ นำไปต่อยอดการเรียนรู้ รวมถึงช่วยให้เด็กค้นหาศักยภาพขอตนเองเจอว่าเมื่อได้มาเรียนรู้จริงๆ พร้อมที่จะทำงานด้านหุ่นยนต์ หรือเขียนโปรแกรมเหล่านี้หรือไม่ อีกทั้งการเรียนการสอนเท่าที่ได้ดู จะเน้นการปฎิบัติมากกว่าทฤษฎี ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่เหมาะกับเด็กรุ่นใหม่มาก พวกเขาชอบเรียนอะไรที่สนุก ได้ลงมือปฎิบัติมากกว่าครูมายืนสอนทฤษฎีอย่างเดียว ดังนั้น อยากให้ขยายการเรียนการสอนดังกล่าวไปทุกชั้นปีและไปยังโรงเรียนอื่นๆ
ตบท้ายด้วย ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า ปัจจุบันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทำให้การศึกษาไทยต้องปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับและก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยมุ่งออกแบบระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ เน้นการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและบูรณาการเพื่อเป็นทุนสำหรับการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต เน้นการปฏิรูปไปที่ ตัวผู้เรียน เตรียมพร้อมคนก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 เพื่อพัฒนาคนไทยให้มีคุณภาพและเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ ความร่วมมือในการจัดทำโครงการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้แบบโครงงานด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์โดยส่งเสริมครูผู้สอนที่เป็นกำลังหลักในการพัฒนาการศึกษาจากสาขาวิชาต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรใหม่ที่ไม่เป็นภาระงานในห้องเรียนกับทั้งผู้เรียนและผู้สอน นับเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษา ให้เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันและการทำงานของผู้เรียนในอนาคต
นอกจากนั้น ศูนย์ปฏิบัติการ ACT AI Lab ที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีจัดตั้งขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาทักษะด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปการศึกษา “ทันสมัย เท่าเทียม ยั่งยืน” เพื่อพัฒนาคนไทยให้มีคุณภาพและเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ