เช็คพื้นที่ 11 จังหวัด น้ำท่วมฉับพลันน้ำไหลหลาก เร่งช่วยเหลือ 2,309 ครัวเรือนเดือดร้อน
ตรวจสอบพื้นที่ เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย พื้นที่ 11 จังหวัด เร่งช่วยเหลือ 2,309 ครัวเรือนเดือดร้อน
เมื่อเวลา 08.50 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย ในพื้นที่ 11 จังหวัด 35 อำเภอ 81 ตำบล 262 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,309 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2563 – ปัจจุบัน (12 ตุลาคม 2563 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย 11 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี ระยอง และชัยนาท รวม 35 อำเภอ 81 ตำบล 262 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,309 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
แยกเป็น พื้นที่ที่ยังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก 10 จังหวัด รวม 31 อำเภอ 74 ตำบล 247 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,292 ครัวเรือน ได้แก่
นครราชสีมา น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 10 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากช่อง อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอปักธงชัย อำเภอโนนสูง อำเภอชุมพวง อำเภอห้วยแถลง อำเภอทะเมนชัย อำเภอพิมาย อำเภอจักราช และอำเภอวังน้ำเขียว รวม 24 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 444 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับผลกระทบ 1,950 ไร่ ปัจจุบันยังมีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบในพื้นที่อำเภอปักธงชัย และอำเภอเมืองนครราชสีมา
สระแก้ว น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอวังสมบูรณ์ และอำเภอคลองหาด รวม 7 ตำบล 34 หมู่บ้าน บ้านประชาชนได้รับผลกระทบ 250 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ฉะเชิงเทรา เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสนามชัยเขต และอำเภอแปลงยาว รวม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 32 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว
จันทบุรี เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสอยดาว อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอเขาคิชฌกูฎ รวม 9 ตำบล 19 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว
กาญจนบุรี เกิดฝนตกหนักน้ำไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย และอำเภอท่ามะกา รวม 4 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 291 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ราชบุรี น้ำไหลหลากในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสวนผึ้ง อำเภอจอมบึง อำเภอปากท่อ และอำเภอบ้านคา รวม 11 ตำบล 78 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 982 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
เพชรบุรี น้ำไหลหลากในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอำ อำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอท่ายาง รวม 10 ตำบล 24 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 238 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว แต่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งแม่น้ำเพชรบุรี ตลอด 24 ช.ม.
ประจวบคีรีขันธ์ น้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอหัวหิน รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย
ส่วน ชลบุรี และระยอง สถานการณ์คลี่คลายแล้ว
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยมี 2 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท และกาญจนบุรี รวม 4 อำเภอ 7 ตำบล 15 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 17 หลัง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการฟื้นฟู
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ รถบรรทุกติดตั้งเครน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปยังจุดอพยพ อีกทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อการดำรงชีพ และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้างหรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม
สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป