ภัยแล้งดันหุ้น ‘น้ำตาล’ พุ่งยกแผง โบรกชี้ราคาตลาดโลกฟื้นต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มน้ำตาลปรับขึ้นยกแผง หลังราคาน้ำตาลโลกพุ่งแตะ 14 เซนต์ต่อปอนด์ เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากจุดต่ำสุดเมื่อปลายเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์เผยแรงหนุนจากความกังวลเรื่องภัยแล้ง พร้อมแนะเข้าเก็งกำไร
ความเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำตาล 4 บริษัท ได้แก่ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) บมจ.น้ำตาลครบุรี (KBS) บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) และบมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) ต่างปรับตัวขึ้นได้ทั้งหมด โดย KSL เพิ่มขึ้นสูงสุด 10.92% แตะ 2.64 บาท สูงสุดในรอบ 7 เดือนครึ่ง KTIS เพิ่มขึ้น 5.18% แตะ 2.84 บาท สูงสุดในรอบ 3 เดือน BRR เพิ่มขึ้น 9.15% แตะ 3.10 บาท สูงสุดรอบ 2 เดือน ขณะที่ KBS เพิ่มขึ้น 7.09% แตะ 3.32 บาท สูงสุดรอบ 1 เดือนครึ่ง
นายประสิทธิ์ สุจิรวรกุล ผู้อำนวยการสายงานวิจัย ลูกค้าสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง เปิดเผยว่า แรงหนุนสำคัญต่อหุ้นกลุ่มน้ำตาลคือ ราคาน้ำตาลในตลาดโลกทำจุดสูงสุดใหม่รอบ 7 เดือน โดยเพิ่มขึ้นแตะระดับ 14 เซนต์ต่อปอนด์ ขณะเดียวกันราคาส่งออกน้ำตาลเฉลี่ยในไตรมาส 3 ปีนี้ เพิ่มขึ้นจากทั้งไตรมาสก่อน และงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 11,811 บาทต่อตัน
ทั้งนี้ จะเห็นว่าราคาน้ำตาลในตลาดโลกฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากจุดต่ำสุดที่ราว 9.2 เซนต์ต่อปอนด์ เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา คิดเป็นการฟื้นตัวกว่า 50% ในเวลา 6-7 เดือน สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำตาลปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเกิดจากความกังวลในเรื่อง ‘ลานีญา’ โดยเฉพาะในประเทศบราซิลและอาร์เจนตินา รวมถึงความเสี่ยงในการเกิดไฟป่า ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าอุปทานของน้ำตาลจะลดลงไปราว 7% ขณะที่ปริมาณฝนมีแนวโน้มจะลดลง 5-20% โดยเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีการปรับเพิ่มโอกาสที่จะเกิดภาวะดังกล่าวประมาณ 70-90% ระหว่างไตรมาส 3 ปีนี้ จนถึงไตรมาส 1 ปี 2564
“จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้หุ้นกลุ่มน้ำตาลสามารถเข้าเก็งกำไรได้ เพราะโดยปกติแล้วราคาหุ้นกลุ่มนี้จะวิ่งตามราคาน้ำตาลในตลาดโลก โดยผู้บริหารของ KSL เคยประเมินไว้ว่าราคาน้ำตาลปีนี้จะอยู่ในกรอบราว 11.5 – 13.5 เซนต์ต่อปอนด์ ขณะที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้นทะลุ 15 เซนต์ต่อปอนด์ จากผลของลานีญา แต่โอกาสที่จะปรับขึ้นไปมากกว่านั้นอาจจะไม่สูงนัก เพราะยังมีแรงกดดันจากอุปทานที่จะเข้ามาเพิ่มจากอินเดีย จีน และบราซิล หลังจากผ่านหน้าแล้ง หนุนให้อุปทานเพิ่มขึ้น 10-15%”
สำหรับผลประกอบการของหุ้นกลุ่มนี้ แม้ว่าราคาน้ำตาลในตลาดโลกจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ผลของราคาจะสะท้อนมายังผลประกอบการบริษัทต้องรอไปอีก 1-2 ไตรมาส เพราะโดยปกติแล้วราคาขายน้ำตาลจะกำหนดเป็นสัญญากันล่วงหน้า สำหรับบริษัทน้ำตาลในไทยน่าจะมีการเริ่มสัญญาใหม่ในช่วงเดือน มี.ค. - เม.ย. ของทุกปี ส่วนราคาน้ำตาลน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วที่ระดับ 9-10 เซนต์ต่อปอนด์
นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มราคาน้ำตาลปัจจุบันภายใต้การวิเคราะห์ของเราคือ KSL ซึ่งราคาปัจจุบันปรับขึ้นมาเกินราคาพื้นฐานที่ประเมินไว้แล้ว
โดยภาพรวมการพุ่งขึ้นมาของราคาหุ้นหนุนจากแนวโน้มราคาน้ำตาลโลกปรับขึ้นจากความกังวลในเรื่องของสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ทำให้เกิดแรงเก็งกำไรเข้ามา ซึ่งไม่เฉพาะแค่น้ำตาลเท่านั้น ยังรวมไปถึงราคาถั่วเหลืองที่ปรับขึ้นในทิศทางเดียวกัน
“มีความเป็นไปได้ที่ฝ่ายวิเคราะห์อาจจะปรับประมาณการหุ้นกลุ่มน้ำตาลขึ้นได้ หากราคาน้ำตาลยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง สำหรับภาพในระยะสั้นมองว่ายังพอที่จะซื้อขายเก็งกำไรได้”