แนวโน้มท่องเที่ยวอาเซียนบูมยุคนิวนอร์มอล
แนวโน้มท่องเที่ยวอาเซียนบูมยุคนิวนอร์มอล และคาดว่าการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง
ทราเอ็กซ์เอเชีย(TraXasia) ผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณาในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เปิดเผยรายงานแนวโน้มนักท่องเที่ยวประจำไตรมาส 4 ปี 2563 ชี้การท่องเที่ยวระยะใกล้จะได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคนิวนอร์มอล ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจีนจะยังคงเป็นตลาดนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ตามมาด้วยเกาหลีใต้ ขณะไทยติดโผจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปีนี้
การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการท่องเที่ยวขาเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา และคาดว่าการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง เนื่องจากการท่องเที่ยวระยะใกล้จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในช่วงของการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดทั่วโลก
รายงานระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 637 ล้านคนออกเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวโกลด์เดน วีค เมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ซีทริป แพลตฟอร์มการจองโรงแรมเปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว 70-80% สู่ระดับก่อนการระบาด ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงความต้องการเดินทางเมื่อมีการกลับมาเปิดพรมแดนอีกครั้ง ในขณะที่หลายประเทศอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อทำการท่องเที่ยวแบบไม่กักกัน (Travel Bubble)
ผลสำรวจพบว่า 41% ของนักท่องเที่ยวในกลุ่มเจนแซด กล่าวว่า พวกเขาพร้อมที่จะไปเที่ยวในต่างประเทศ โดย 51% ตั้งตารอที่จะได้ไปช็อปปิง ด้านองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดับเบิลยูทีโอ) ระบุว่า จีนเป็นหนึ่งในตลาดนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุด โดยคิดเป็นเกือบ 1/5 ของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศทั่วโลก
ขณะเดียวกัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นจากนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่อันดับสองรองจากจีน โดยนักท่องเที่ยวเกาหลีชอบเที่ยวเองมากกว่าเที่ยวกับทัวร์ และเลือกที่จะเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติและทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ
ผลสำรวจยังพบด้วยว่า จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำที่คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปีนี้ ได้แก่ เวียดนาม (โฮจิมินห์ ฮานอย ดานัง) มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง โคตาคินาบาลู) และ ไทย (กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่)