ทวิตเตอร์ระงับบัญชีปลอมอ้างเป็นคนผิวดำหนุน'ทรัมป์'

ทวิตเตอร์ ประกาศระงับบัญชีปลอมหลายบัญชี โดยให้เหตุผลว่าบัญชีเหล่านี้ละเมิดกฎของทวิตเตอร์เกี่ยวกับข้อความสแปมและใช้แพลตฟอร์มเพื่อหวังผลทางการเมือง เนื่องจากบัญชีเหล่านี้แอบอ้างเป็นคนผิวดำที่ประกาศความตั้งใจจะลงคะแนนเสียงสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐในเดือนหน้า

อย่างไรก็ดี ทวิตเตอร์ไม่ได้เปิดเผยว่ามีกี่บัญชีที่ถูกระงับ และไม่ได้ระบุแหล่งที่มาของบัญชีเหล่านั้น

บัญชีเหล่านี้แอบอ้างว่าเป็นคนผิวดำ โดยใช้ภาพชายผิวดำที่ปรากฏตามข่าวต่างๆ และส่วนใหญ่ก็ทำการโพสต์ข้อความในทำนองเดียวกันอย่างเช่น “ใช่ ผมเป็นคนดำ และผมจะโหวตให้ทรัมป์”

ทั้งนี้ ทวิตเตอร์มีแผนที่จะตรวจสอบการกระทำดังกล่าวต่อไป และอาจระงับบัญชีใดๆ เพิ่มเติม หากพบว่าเข้าข่ายละเมิดกฎเกณฑ์เดียวกันนี้

การเคลื่อนไหวของทวิตเตอร์ มีขึ้นหลังจากเฟซบุ๊ค อิงค์ เปิดเผยว่า บริษัทจะลบโพสต์ที่พยายามเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมจับตาการเลือกตั้งในสหรัฐ ซึ่งเป็นโพสต์ที่ใช้ภาษาทหาร หรือมีเป้าหมายที่จะข่มขู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือเจ้าหน้าที่ด้านการเลือกตั้ง โดยเฟซบุ๊คจะคุมเข้มข้อจำกัดต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐ

เฟซบุ๊คระบุด้วยว่า จะดำเนินการกับโพสต์ของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองที่ออกมาประกาศชัยชนะก่อนเวลาอันควรหรือคัดค้านผลการเลือกตั้งที่มีการประกาศออกมา โดยเฟซบุ๊คจะติดแถบกำกับหรือแจ้งเตือนด้วยข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสถานะของการแข่งขันในการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ เฟซบุ๊คยังระบุด้วยว่า บริษัทจะระงับการเผยแพร่โฆษณาทางการเมืองชั่วคราวในสหรัฐหลังปิดการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.

ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊คประกาศว่า จะหยุดรับการโฆษณาทางการเมืองใหม่ๆ ที่ส่งเข้ามาในสัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง และจะปฏิเสธการโฆษณาที่อ้างถึงการได้ชัยชนะก่อนเวลาประกาศผลอย่างเป็นทางการ

การประกาศล่าสุดของเฟซบุ๊ค ถูกโยงไปถึงคลิปวิดีโอของนายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนโตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมปฏิบัติการสอดส่องดูแลการเลือกตั้ง อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะหาหลักฐานสนับสนุนการกล่าวหาของปธน.ทรัมป์อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม โมนิกา บิกเคิร์ต รองประธานฝ่ายจัดการนโยบายคอนเทนต์ของเฟซบุ๊คกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า เฟซบุ๊คไม่มีนโยบายที่จะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวย้อนหลัง แต่ยืนยันว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาว่าละเมิดกฎเกณฑ์ของเฟซบุ๊คในวันข้างหน้า