'ทองเปลว'จี้ทูตเกษตรขยายตลาดเพิ่ม
“ทองเปลว” เร่งหารือทูตเกษตร ชูอัตลักษ์สินค้าเกษตร เจาะตลาดใหม่ รักษาตลาดเดิม เสริมเทคโนโลยี หวังยกระดับรายได้เพิ่ม 30% แตะ 1.56 แสนบาทต่อครัวเรือนต่อปี
นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ภายในเดือน ต.ค.นี้ จะหารือกับสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศทั่วโลก เพื่อเร่งประชาสัมพันธ์ผลผลิตด้านการเกษตรของไทย โดยหาตลาดใหม่ในขณะที่ต้องรักษาตลาดเดิมเอาไว้ด้วย โดยให้ชูสินค้าเกษตรที่มีอัตลักษณ์เฉพาะ เป็นตัวนำตลาด ในแต่ละพื้นที่จะนิยมสินค้าต่างกันออกไป ดังนั้นอัครราชทูตที่ปรึกษา(ฝ่ายเกษตร) ของประเทศนั้นๆ ต้องศึกษา วิเคราะห์ ความต้องแต่ละตลาดเพื่อแนะนำการผลิตให้สอดคล้องกัน เช่น จีน มีความต้องการ ทุเรียน น้ำมะพร้าวน้ำหอม ส้มโอ สหภาพยุโรปหรืออียู ต้องการสินค้าอินทรีย์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ทูตเกษตรยังต้องประสานความร่วมมือกับต่างประเทศ เพื่อนำองค์ความรู้ใหม่ๆ มาส่งเสริมภาคเกษตรของไทยด้วย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่ภาคการเกษตรของไทยยังมีความก้าวหน้าน้อยมาก ปัจจุบัน รัฐบาลอยู่ระหว่างการส่งเสริมเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตของไทยให้สูงขึ้น เทคโนโลยีที่ทันสมัยเหล่านี้สามารถนำมาต่อยอดยกระดับในโครงการแปลงใหญ่ ที่ประสบผลสำเร็จแล้วกว่า 5,200 แปลงแล้วหรือ 5 ปี เป้าหมาย 7 ล้านไร่
“ตอนนี้ภาคการเกษตรต้องดำเนินไปควบคู่ไปกับการตลาด สินค้าที่ผลิตได้ต้องสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าล้นตลาดตามมา ดังนั้นทูตเกษตรต้องขับเคลื่อนตลาดต่างประเทศตู่กับตลาดในประเทศให้ได้ และต้องเร่งวิเคราะห์ข้อมูล และแจ้งกลับมายังเกษตรกรอย่างรวดเร็วและชัดเจน เพื่อให้วางแผนการผลิตได้อย่างสอดคล้องกัน”
ทั้งนี้ การยกระดับภาคการเกษตร โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยมากขึ้น คาดว่า ภายในปี 2565 จะสามารถยกระดับพื้นที่เกษตรได้ประมาณ 5-10% หรือ ประมาณ 14-15 ล้านไร่ ของพื้นที่เกษตรทั้งหมด 149 ล้านไร่ จะกลายเป็นเกษตรยุคใหม่ และในจำนวนนี้ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากมาตรการลดต้นทุน 15% เพิ่มรายได้ 15% เกษตรกรกลุ่มนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 31,342.11 บาทต่อครัวเรือนต่อปี หรือรายได้รวม 135,815.81 บาทต่อครัวเรือนต่อปี จากปัจจุบันมีรายได้ 104,473.7 บาทต่อครัวเรือนต่อปี